คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 180/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลแขวง เมื่อศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้รับมอบหมายจากโจทก์ให้ร่วมกับชมรมโรงสีจัดซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรสมาชิกของโจทก์ และฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังเงินค่าบริการของโจทก์ ย่อมถือว่าเป็นการพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริงตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงฯมาตรา 22 การที่โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยได้ร่วมกับชมรมโรงสีกระทำผิดหน้าที่ของจำเลยและจำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังเงินของโจทก์จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้าม ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงให้ตามอุทธรณ์ของโจทก์จึงไม่ถูกต้องและต้องถือว่าข้อเท็จจริงยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และยกฎีกาจำเลย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายและได้รับอนุญาตจากจังหวัดฯ ให้นำข้าวสารไปจำหน่ายให้องค์การคลังสินค้าโจทก์มอบให้ชมรมโรงสีจังหวัดฯ เป็นผู้จัดซื้อข้าวเปลือกจากสมาชิกของโจทก์ แล้วแปรสภาพเป็นข้าวสารนำไปขาย จำเลยเป็นประธานกลุ่มของโจทก์ได้เป็นต้วแทนในการให้ชมรมโรงสีจัดซื้อข้าวเปลือกเพื่อนำไปแปรสภาพเป็นข้าวสารส่งไปจำหน่ายให้องค์การคลังสินค้าในนามของโจทก์ แต่จำเลยร่วมกับโรงสีนำข้าวสารไปจำหน่ายโดยไม่ได้ซื้อข้าวเปลือกจากสมาชิกและจำเลยเบียดบังเอาผลประโยชน์ซึ่งเป็นกำไรจากการจำหน่ายข้าวสารไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่าคดีมีมูล
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์โดยอ้างว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยเป็นตัวแทนโจทก์ได้รับมอบหมายให้ร่วมกับชมรมโรงสีจัดซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรสมาชิกของโจทก์กระทำผิดหน้าที่โดยนำข้าวสารของโรงสีไปจำหน่ายให้องค์การคลังสินค้าโดยทุจริต และมีเจตนาทุจริตเบียดบังเงินค่าบริการซึ่งโจทก์จะได้รับจากชมรมโรงสี พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 จำคุก 1 ปี 6 เดือน และมาตรา 352จำคุก 6 เดือน ให้เรียงกระทงลงโทษรวมจำคุก 2 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่ได้รับมอบหมายจากโจทก์ให้ร่วมกับชมรมโรงสีจัดซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรสมาชิกของโจทก์ และฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังเงินค่าบริการของโจทก์พิพากษายกฟ้อง เป็นการยกฟ้องในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ. 2499 มาตรา 22 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2503 มาตรา 10การที่โจทก์อุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยเป็นตัวแทนโจทก์โดยให้จำเลยร่วมกับชมรมโรงสีจัดซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรรมสมาชิกของโจทก์ จำเลยกระทำผิดหน้าที่โดยนำข้าวของโรงสีไปจำหน่ายให้แก่องค์การคลังสินค้า และจำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังเงินของโจทก์เป็นการโต้เถียงในข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ร่วมกับชมรมโรงสีกระทำผิดหน้าที่ของจำเลย และจำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังเงินของโจทก์ จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงให้ตามอุทธรณ์ของโจทก์ จึงเป็นการวินิจฉัยโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องถือว่าข้อเท็จจริงยุติตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และยกฎีกาจำเลย”.

Share