คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1795/2536

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น เมื่อผู้กระทำได้ยาเสพติดเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้ว ย่อมเป็นความผิดสำเร็จ ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะได้นำยาเสพติดดังกล่าวออกมาจำหน่ายให้แก่ผู้ใดหรือไม่ เมื่อจำเลยมียาเสพติดเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยจึงมีความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มิใช่เป็นเพียงการพยายามกระทำความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้มีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงในประเภท 1จำนวน 30 หลอด หนัก 27.100 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 ริบของกลางที่เหลือ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 จำคุก 20 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก10 ปี ริบของกลาง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยยอมรับสารภาพว่ามียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่จำเลยยังมิเคยนำยาเสพติดออกจำหน่ายแก่ผู้ใด และไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยเป็นผู้จำหน่ายยาเสพติด ควรถือว่าเป็นการพยายามกระทำความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยซึ่งจำเลยยกขึ้นอ้างได้แม้เป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ตามแต่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนี้ศาลฎีกาจะต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามที่โจทก์ฟ้องจริง ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น เมื่อผู้กระทำได้มียาเสพติดเฮโรอีน ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้วการกระทำของผู้กระทำผิดย่อมเป็นความผิดสำเร็จ ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะได้นำยาเสพติดดังกล่าวออกจำหน่ายให้แก่ผู้ใดหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยมียาเสพติดเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยจึงมีความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มิใช่เป็นเพียงการพยายามกระทำความผิดตามที่จำเลยฎีกา”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคแรก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share