คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1795/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยร่วมเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุความรับผิดของจำเลยร่วมเกิดขึ้นตามสัญญาประกันภัย การที่โจทก์ฟ้องหรือขอให้ศาลเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเพื่อใช้ค่าสินไหมทดแทน ไม่ใช่ฟ้องในมูลหนี้ละเมิด แต่โจทก์ฟ้องโดยอาศัยมูลหนี้ตามสัญญาประกันภัย จึงมีอายุความ2ปี นับแต่วันเกิดวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 882 วรรคแรก จะนำอายุความ 1 ปี ตามมาตรา448 วรรคแรกบังคับไม่ได้
เมื่อฟังว่าจำเลยที่ 3 ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดเนื่องจากฟ้องโจทก์ขาดอายุความเรียกร้องจากจำเลยที่ 3 แล้ว จำเลยร่วมซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการประเภทไม่จำกัดความรับผิด จำเลยที่ 3 เป็นนิติบุคคลเชิดจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนในการขนส่งน้ำมัน ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาทในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ชนรถยนต์โจทก์เสียหายและทำให้โจทก์บาดเจ็บเสียหาย ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การว่า คนขับรถคันเกิดเหตุมิใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ 1แต่เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าของรถ เหตุเกิดเพราะความประมาทของโจทก์ ค่าเสียหายสูงเกินไป คดีขาดอายุความ

จำเลยที่ 3 ให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ จำเลยที่ 1 รับจ้างขนส่งน้ำมันให้จำเลยที่ 3 มิใช่ตัวแทน เหตุเกิดเพราะความประมาทของโจทก์ โจทก์มิได้บาดเจ็บและเสียหายมากดังฟ้อง

ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นอนุญาตตามคำร้องของโจทก์ให้เรียกบริษัทอาคเนย์ประกันภัย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วม

จำเลยร่วมให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ เหตุเกิดมิใช่เพราะความประมาทของผู้ขับรถฝ่ายจำเลย โจทก์มิได้บาดเจ็บและเสียหายมากตามฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า สำหรับคดีจำเลยร่วมฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยร่วมเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุกน้ำมันคันเกิดเหตุ ความรับผิดของจำเลยร่วมเกิดขึ้นตามสัญญาประกันภัย การที่โจทก์ฟ้องหรือขอให้ศาลเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเพื่อใช้ค่าสินไหมทดแทน ไม่ใช่ฟ้องในมูลหนี้ละเมิด แต่โจทก์ฟ้องโดยอาศัยมูลหนี้ตามสัญญาเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ซึ่งเป็นคนภายนอกตามสัญญาประกันภัยจึงมีอายุความ 2 ปี นับแต่วันเกิดวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 วรรคแรกจะนำอายุความ 1 ปีตามมาตรา 448 วรรคแรก บังคับไม่ได้ คดีนี้เหตุเกิดวันที่ 5 สิงหาคม 2517 โจทก์ขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีวันที่ 2 มิถุนายน 2519 ยังไม่เกิน 2 ปี คดีโจทก์สำหรับจำเลยร่วมจึงไม่ขาดอายุความ อย่างไรก็ตาม เมื่อฟังว่าจำเลยที่ 3 ผู้เอาประกันภัยรถยนต์บรรทุกน้ำมันคันเกิดเหตุไม่ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดที่นายสุชาติกระทำเนื่องจากฟ้องโจทก์ขาดอายุความเรียกร้องจากจำเลยที่ 3 แล้ว จำเลยร่วมซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 ที่ศาลล่างยกฟ้องจำเลยร่วม ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล

พิพากษายืน

Share