แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินที่ถูกทางราชการเวนคืนไป แล้วต่อมามีคำพิพากษาให้คืนที่ ๆ ถูกเวนคืนแก่เจ้าของ การคืนนั้นไม่ต้องกระทำตาม ป.พ.พ. ม. 1305 เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องการโอนแก่กัน.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๒ เช่าที่ดินสาธารณะประโยชน์ที่เชิงสพานพุทธยอดฟ้าสร้างโกดัง หมดสัญญาแล้วโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่า จำเลยที่ ๒ เพิกเฉยเสีย กลับจำหน่ายโกดังไปให้จำเลยที่ ๓ และจำเลยที่ ๑ ได้ต่อสู้กรรมสิทธิ จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะประโยชน์ของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลยออกไป
จำเลยที่ ๑ ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยถูกเวนคืนไปแล้ว คณะรัฐมนตรีลงมติให้คืนกลับให้จำเลยแล้ว
จำเลยที่ ๒ ต่อสู้ว่าได้โอนกรรมสิทธิโกดังไปแล้ว จำเลยที่ ๓ ต่อสู้ว่าโกดังปลูกอยู่ในที่ของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๔ ,๕ ถูกเรียกเข้ามาเป็นจำเลย ให้การว่าจำเลยที่ ๔,๕ ได้ขายโกดังไปแล้ว
ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความแล้วงดสืบพยานพิพากษาห้ามมิให้จำเลยที่ ๑ เกี่ยวข้องกับที่พิพาท ให้จำเลยที่ ๒,๓ รื้อโกดังออกไป
จำเลยที่ ๑,๒,๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่าที่พิพาทในคดีนี้ได้มีคำพิพากษาฎีกาที่ ๒๐๙๕/๒๔๙๗ ให้กระทรวงมหาดไทยคืนให้แก่จำเลยที่ ๑ แล้วโจทก์จึงจะห้ามจำเลยมิให้มาเกี่ยวข้องหรือบังคับให้รื้อถอนโกดังไปไม่ได้ ที่โจทก์โต้เถียงว่าคำพิพากษาฎีกาที่กล่าวแล้วเป็นคำสั่งให้กระทรวงมหาดไทยจัดการคืนจึงต้องให้มีพิธีการให้ถูกต้องตาม ก.ม.ก่อนนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการที่ศาลบังคับให้กระทรวงมหาดไทยคืนนั้นมิใช่เป็นการโอนแก่กันตาม ป.พ.พ. ม.๑๓๐๕ พิพากษายืน.