คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1794-1795/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การนับอายุความ 1 ปี เรื่องละเมิดตาม ป.พ.พ.มาตรา 448 ต้องเริ่มนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ว่าใครควรรับผิดอย่างใด เมื่อมาฟ้องคดีเกินกว่าหนึ่งปี นับแต่ได้ทราบเรื่อง ก็ขาดอายุความ (ฎีกา 243/2497)
เมื่อโจทก์จำเลยกะประเด็นมาแต่ศาลขั้นต้นว่ามีประเด็นข้อสืบเป็นเรื่องละเมิดแล้ว ในชั้นฎีกาจะโต้เถียงว่าควรปรับอายุความเข้าตามบทมาตรา 164,165 ย่อมเป็นการแปรเรื่องเป็นอื่นซึ่งไม่ตรงกับคดี และจะโต้เถียงว่า หากจะมิใช่เป็นความผิดเรื่องละเมิดก็ต้องรับผิดในฐานเป็นตัวแทนผู้เสียหายด้วย ดังนี้เป็นเรื่องยกประเด็นขึ้นมาใหม่ มิใช่ข้อที่ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจะรับวินิจฉัยให้ไม่ได้.

ย่อยาว

คดี ๒ สำนวนนี้ ศาลพิจารณารวมกัน ได้ความว่าเดิม นายผล โรจนวาศ สมุห์บัญชีอำเภอศรีราชาได้ทำการทุจริตต่อหน้าที่ยักยอกแสตมป์อากรแสตมป์อากรมหรศพของกรมสรรพากรไป นายผล ถูกฟ้องศาลลงโทษแล้วตามคดีอาญาแดงที่ ๙๒๖/๒๔๙๕ ของศาลจังหวัดชลบุรี โจทก์จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยในคดี ๒ สำนวนนี้ ซึ่งเป็นนายอำเภอและปลัดอำเภอศรีราชาร่วมกันใช้เงิน (ราคาแสตมป์ที่นายผล ยักยอก)
คดีแรก ๑๐,๕๐๐.๐๓ บาท คดีหลัง ๓๙,๖๓๖ บาท พร้อมกับดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี โดยเหตุที่จำเลยผู้มีหน้าที่ร่วมกันรับผิดชอบในการบริหารราชการอำเภอบังอาจจงใจหรือประมาทเลินเล่อปล่อยให้นายผลสมุห์บัญชีอำเภอซึ่งอยู่ในบังคับบัญชาของจำเลยเบิกจ่ายจำหน่ายเก็บร้กษาแสตมป์ตามลำพัง ไม่ควบคุมตามข้อบังคับของทางราชการ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์ฟ้องคดีเกิน ๑ ปีขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ และ ฟ้องของโจทก์ไม่เข้าบทบัญญัติเรื่องละเมิดตามมาตรา ๔๒๐ ยกฟ้องโจทก์ทั้ง ๒ คดี
โจทก์อุทธรณ์ว่าคดียังไม่ขาดอายุความ ๑ ปี และควรปรับอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๖๔,๑๖๕ จำเลยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อจงใจฝ่าฝืนก็เป็นการจงใจทำผิด มาตรา ๔๒๐ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์เถียงในชั้นฎีกาว่า การนับอายุความ ๑ ปี ต้องนับตั้งแต่ที่โจทก์รู้ว่าผู้ละเมิดแต่ละคนควรรับผิดใช้ค่าเสียหายคนละเท่าใดนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ บัญญัติว่า หนึ่งปีนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้จะพึงต้องให้ค่าสินไหมทดแทน ฯลฯ คดีฟังได้ว่า นายผล สมุห์บัญชีอำเภอได้ยักยอกเงินค่าอากรแสตมป์ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว กระทรวงการคลังโจทก์ได้ไล่ออกและฟ้องต่อศาล พร้อมกันนั้นคณะกรรมการจังหวัดชลบุรีมีหนังสือที่ ๖๐๐๕/๒๔๙๔ ลงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๔๙๔ โจทก์เพิ่งฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๔๙๖ เกินกว่า ๑ ปีแล้ว จึงขาดอายุความฐานละเมิดที่โจทก์จำเลยกะประเด็นกันมาแต่ศาลชั้นต้น
ข้อที่ว่าควรปรับอายุความตามบทมาตรา ๑๖๔,๑๖๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งนั้น เห็นว่าโจทก์จะแปรเรื่องให้เป็นอื่นซึ่งไม่ตรงกับเรื่องแห่งคดีนี้ ทั้งมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น
ที่กล่าวว่าหากจะมิใช่เป็นความผิดเรื่องละเมิด ก็ต้องรับผิดใช้เงินในฐานเป็นตัวแทนกระทรวงการคลัง โดยตรงด้วย ไม่แต่จะรับผิดในผลแห่งการละเมิดอย่างเดียวนั้น เห็นว่าเป็นประเด็นยกขึ้นมาใหม่ มิใช่ข้อที่ว่ากันมาใจศาลชั้นต้น ผิดรูปเรื่องแห่งดี จะรับวินิจฉัยให้ไม่ได้
พิพากษายืน.

Share