คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1786/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

(คำสั่งศาลฎีกาที่ 1786/2541) ตามคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและตามทางไต่สวนของผู้ร้องกับการเปิดหีบบัตรเลือกตั้งและนับบัตรเลือกตั้งใหม่ของหน่วยเลือกตั้งบางหน่วยในเขตเลือกตั้งที่ 1 ได้ความว่าเจ้าพนักงานตำรวจตรวจยึดบัตรเลือกตั้งที่กาบัตรลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสามซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ ณ หน่วยเลือกตั้งที่ 4 ของหมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 6 ตำบลท้ายบ้านใหม่ จำนวน 199 บัตรและ 300 บัตรตามลำดับ และผลการตรวจนับบัตรเลือกตั้งปรากฏว่าได้จำนวนบัตรเลือกตั้งมากกว่าผู้เลือกตั้งที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจริงอันส่อแสดงว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งกรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนอาจเป็นผู้กาบัตรเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสามจนเป็นเหตุให้จำนวนบัตรเลือกตั้งมีมากกว่าจำนวนผู้เลือกตั้งที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบและศาลฎีกาอาจมีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 79(1)อันเป็นผลให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้คัดค้านทั้งสามสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ศาลฎีกามีคำสั่งตามมาตรา 80 วรรคสอง แต่ผู้คัดค้านทั้งสามเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน มาตรา 315 วรรคสองบัญญัติให้ความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้คัดค้านทั้งสามยังคงมีอยู่ต่อไปจนกว่า (1) ครบอายุของสภาผู้แทนราษฎร หรือ(2) เมื่อมีการยุบสภา หรือ (3) เมื่อสมาชิกภาพสิ้นสุดลงเนื่องจากรัฐสภาไม่อาจดำเนินการพิจารณาและให้ความเห็นชอบร่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประกอบรัฐธรรมนูญสำคัญ 3 ฉบับให้เสร็จสิ้นลงได้ภายในกำหนดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 323 และ จนกระทั่งปัจจุบันอายุของสภาผู้แทนราษฎรยังไม่ครบกำหนดไม่มีการยุบสภา และยังอยู่ในกำหนดระยะเวลาที่รัฐสภาจะพิจารณา และให้ความเห็นชอบร่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประกอบรัฐธรรมนูญ ทั้ง 3 ฉบับ ดังกล่าวได้อยู่ ความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้คัดค้านทั้งสามจึงยังมีอยู่ต่อไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในกรณีที่ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่างลงไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบันมาตรา 315 วรรคสอง ก็บัญญัติให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่าที่มีอยู่เท่านั้น จึงไม่อาจจัดให้มีการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่แทนตำแหน่งที่ว่างลงได้แม้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการในเขตการเลือกตั้งที่ 1 อาจเป็นไปโดยไม่ชอบ ศาลฎีกาก็ไม่อาจ มีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามคำขอของผู้ร้องทั้งสาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาตรา 79 ได้ ศาลฎีกาจึงต้องยกคำร้องของผู้ร้องเสีย

ย่อยาว

ผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการในเขตเลือกตั้งที่ 1 ใหม่
ผู้คัดค้านทั้งสี่ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลจังหวัดสมุทรปราการไต่สวนพยานผู้ร้องทั้งสามโดยสืบพยานผู้ร้องทั้งสามได้ 1 ปาก และเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดสืบพยานผู้ร้องทั้งสามและผู้คัดค้านทั้งสี่ และทำความเห็นส่งสำนวนมายังศาลฎีกาว่า ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับใหม่ห้ามมิให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระหว่างนี้จึงไม่อาจสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ เห็นควรยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสาม
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า ผู้ร้องทั้งสามเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ เขตเลือกตั้งที่ 1สังกัดพรรคพลังธรรม หมายเลข 1, 2, 3 และผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการได้ประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ปรากฏว่าผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 10, 11, 12สังกัดพรรคประชากรไทยได้รับการเลือกตั้งส่วนผู้ร้องทั้งสามไม่ได้รับการเลือกตั้ง โดยผู้ร้องทั้งสามอ้างว่าการเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบ เนื่องจากเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งกรรมการตรวจคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งนำบัตรเลือกตั้งที่อยู่ในความรับผิดชอบไปกาบัตรลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 10, 11, 12 สังกัดพรรคประชากรไทย โดยไม่มีอำนาจกระทำได้ มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า กรณีมีเหตุสมควรให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ เขตเลือกตั้งที่ 1 ใหม่หรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ. 2522 มาตรา 79 บัญญัติว่า “เมื่อศาลจังหวัดหรือศาลแพ่งได้รับคำร้องคัดค้านแล้วให้ดำเนินการพิจารณาโดยไม่ชักช้าและให้ทำความเห็นและส่งสำนวนไปยังศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยและให้ศาลฎีกามีอำนาจดังต่อไปนี้ (1) ถ้าเห็นว่าการเลือกตั้งหรือการที่ผู้ใดได้รับเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบสมควรจะให้มีการเลือกตั้งใหม่ให้มีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งนั้น หรือเฉพาะแต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใดที่ถูกคัดค้านในเขตเลือกตั้งตามคำร้องคัดค้านนั้นได้ (2) ถ้าเห็นว่าการเลือกตั้งหรือการที่ผู้ใดได้รับการเลือกตั้งเป็นไปโดยชอบ หรือแม้มิชอบแต่ไม่มีเหตุอันสมควรจะมีการเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งนั้น หรือเฉพาะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ถูกคัดค้านในเขตเลือกตั้งนั้น ให้มีคำสั่งยกคำร้องคัดค้านเสีย” มาตรา 80 วรรคสอง บัญญัติว่า”ในกรณีที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ให้ถือว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งถูกคัดค้านนั้นขาดจากสมาชิกภาพตั้งแต่วันที่ศาลฎีกามีคำสั่ง” และบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยประกาศใช้เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2540 มาตรา 315 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “นับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้สภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมครั้งสุดท้ายโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 6) พุทธศักราช 2539ทำหน้าที่สภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญนี้จนถึงวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา 324″ และวรรคสองบัญญัติว่า”ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ คงเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้อยู่ต่อไปจนครบอายุของสภาผู้แทนราษฎร หรือเมื่อมีการยุบสภา หรือเมื่อสมาชิกภาพสิ้นสุดลงตามมาตรา 323 แล้วแต่กรณีในกรณีที่ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่างลงไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่าที่มีอยู่”ดังนี้ แม้ตามคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ร้องทั้งสามและตามทางไต่สวนของผู้ร้องทั้งสามตลอดจนการเปิดหีบบัตรเลือกตั้งและนับบัตรเลือกตั้งใหม่จำนวน 78 หีบ ของหน่วยเลือกตั้งบางหน่วยในเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดสมุทรปราการจะได้ความว่า เจ้าพนักงานตำรวจยึดบัตรเลือกตั้งที่กาบัตรลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 10, 11 และ 12 ของพรรคประชากรไทยได้ ณ หน่วยเลือกตั้งที่ 4 หมู่ที่ 5 และหน่วยเลือกตั้งที่ 4 หมู่ที่ 6 ตำบลท้ายบ้านใหม่ จำนวน 199 บัตร และ 300 บัตร ตามลำดับและผลการตรวจนับบัตรเลือกตั้งปรากฏว่าได้จำนวนบัตรเลือกตั้งมากกว่าผู้เลือกตั้งที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจริงซึ่งกรรมการตรวจคะแนนได้จดหมายเลขของบัตรประจำตัวประชาชนและสถานที่ออกบัตรไว้เป็นจำนวนประมาณ 20,000 คน อันส่อแสดงว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนคนใดคนหนึ่งหรือหลายคนอาจเป็นผู้กาบัตรเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จนเป็นเหตุให้จำนวนบัตรเลือกตั้งมีมากกว่าจำนวนผู้เลือกตั้งที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่ชอบ และศาลฎีกาอาจมีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522มาตรา 79(1) อันเป็นผลให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ศาลฎีกามีคำสั่งตามมาตรา 80 วรรคสอง ก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าขณะนี้ผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ยังคงเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบันมาตรา 315 วรรคสองบัญญัติให้ความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้คัดค้านที่ 1ที่ 2 และที 3 ยังคงมีอยู่ต่อไป จนกว่า (1) ครบอายุของสภาผู้แทนราษฎรหรือ (2) เมื่อมีการยุบสภา หรือ (3) เมื่อสมาชิกภาพสิ้นสุดลงเนื่องจากรัฐสภาไม่อาจดำเนินการพิจารณาและให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญสำคัญ 3 ฉบับให้เสร็จสิ้นลงได้ภายในกำหนดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 323 และจนกระทั่งปัจจุบันอายุของสภาผู้แทนราษฎรก็ยังไม่ครบกำหนด ไม่มีการยุบสภาและยังอยู่ในกำหนดระยะเวลาที่รัฐสภาจะพิจารณาและให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับดังกล่าวได้อยู่ ความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จึงยังคงมีอยู่ต่อไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยดังกล่าวแล้ว ยิ่งกว่านั้นแม้ในกรณีที่ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่างลงไม่ว่าด้วยเหตุ ๆรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน มาตรา 315 วรรคสองก็ยังบัญญัติให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่าที่มีอยู่เท่านั้นจึงไม่อาจที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่แทนตำแหน่งที่ว่างลงได้ ดังนี้แม้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการในเขตเลือกตั้งที่ 1 อาจเป็นไปโดยไม่ชอบดังกล่าวมาก็ตาม ศาลฎีกาก็ไม่อาจมีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามคำขอของผู้ร้องทั้งสามตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522มาตรา 79 ได้ จึงชอบที่จะยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสามเสียตามบทกฎหมายดังกล่าว”
ให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสาม

Share