คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1782/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาเช่าตามฟ้องเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ซึ่งการฟ้องร้องบังคับคดีระหว่างโจทก์จำเลย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หาได้บัญญัติบังคับให้ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือหรือทำสัญญาเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่อย่างใดไม่จึงมิใช่เป็นกรณีที่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง ไม่ต้องด้วยข้อห้ามที่มิให้ศาลยอมรับฟังพยานบุคคลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าห้องพิพาทมาจากโจทก์โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาการเช่าและไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่า โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไปได้บอกกล่าวเลิกการเช่ากับจำเลยแล้ว จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้ขับไล่จำเลยกับบริวาร

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ได้ต่ออายุสัญญาเช่าให้จำเลยอีก3 ปี โดยจำเลยเสียค่าต่ออายุสัญญาเช่าให้โจทก์ 22,000 บาท แล้วตัวแทนโจทก์ได้ทำเอกสารหมาย ล.7 ให้จำเลยไว้เป็นหลักฐานมีข้อความว่า”ห้อง 2072 (คือห้องพิพาท) นางชลอ กบิลสิงห์ (จำเลย) ได้ชำระค่าต่ออายุแล้วขอให้เก็บเงินค่าเช่าให้เป็นหลักฐานด้วย” จึงเป็นสัญญาต่างตอบแทน ขอให้โจทก์ใช้เงินค่าต่ออายุสัญญากับค่าใช้จ่ายที่จำเลยลงทุนซ่อมห้องพิพาทให้แก่จำเลย

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า การเช่ารายนี้ไม่มีหนังสือสัญญาเช่า และเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา ไม่มีข้อตกลงเป็นสัญญาต่างตอบแทน ขอให้ยกฟ้องแย้ง

ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า มีการต่ออายุสัญญาเช่าไปอีก 3 ปี โดยโจทก์รับเงินค่าต่ออายุสัญญาเช่าแล้วออกเอกสารหมาย ล.7 ให้จำเลย เป็นสัญญาต่างตอบแทน โจทก์ต้องให้จำเลยเช่าต่อไป พิพากษายกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้งจำเลย

โจทก์อุทธรณ์ ศาลสั่งรับอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาเช่าตามฟ้องเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ซึ่งการฟ้องร้องบังคับคดีระหว่างโจทก์จำเลยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หาได้บัญญัติบังคับให้ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือหรือทำสัญญาเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่อย่างใดไม่ จึงมิใช่กรณีที่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงไม่ต้องด้วยข้อห้ามที่มิให้ศาลยอมรับฟังพยานบุคคลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

พิพากษายืน

Share