คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1778/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์นำสืบก่อน ถึงวันนัดทนายโจทก์ทนายจำเลยและตัวจำเลยมาศาล ทนายโจทก์แถลงว่าตัวโจทก์และพยานไม่มาศาลไม่ทราบเหตุขัดข้องสุดแต่ศาลจะพิจารณาสั่ง ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ไม่เอาใจใส่ละทิ้งคดีเป็นการประวิงคดี ก็เป็นความเข้าใจของศาลชั้นต้นเอง แม้ศาลชั้นต้นได้สั่งว่าให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อโดยไม่ให้เลื่อน โดยถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบแล้วอนุญาตให้สืบพยานจำเลยไปจนเสร็จสิ้นและนัดอ่านคำพิพากษาไว้ในวันเดียวกันก็ตาม แต่เมื่อก่อนอ่านคำพิพากษาตัวโจทก์มาศาลและยื่นคำร้องว่า เหตุที่มาศาลล่าช้าเพราะฝนตกมีรถตักดินเสียขวางทางอยู่เป็นเหตุสุดวิสัย ขอสืบพยาน จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะทำการไต่สวนให้ได้ความเสียก่อนว่าข้ออ้างของโจทก์เป็นความจริงหรือไม่ เพราะถ้าเป็นความจริงก็ไม่พอถือได้ว่าตัวโจทก์ไม่เอาใจใส่ในคดี ประวิงคดี ดังที่ศาลชั้นต้นเข้าใจในตอนแรก การที่ศาลชั้นต้นไม่ไต่สวนและพิจารณาคดีไป จึงไม่เป็นไปตามขั้นตอนแห่งการดำเนินกระบวนพิจารณา เป็นการไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสีย ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องขอสืบพยานของโจทก์แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่
แม้ตามอุทธรณ์ของโจทก์คงขอให้สืบพยาน มิได้ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องของโจทก์ก็ตาม แต่การที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องขอสืบพยานของโจทก์ ก็เป็นไปตามขั้นตอนที่จะอนุญาตให้โจทก์ทำการสืบพยานใหม่ตามอุทธรณ์ของโจทก์นั่นเอง ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจสั่งได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวของโจทก์และใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นตัวแทนเจ้าของที่ดินทำการปลูกสร้างอาคารแล้วเซ้งให้แก่จำเลยมีกำหนดเวลา 12 ปี เป็นเงิน 90,000 บาท โจทก์รับเงินจากจำเลยแล้ว 45,000 บาท ส่วนที่เหลือตกลงผ่อนชำระเป็นรายเดือน เมื่อชำระครบแล้วจำเลยจะต้องดำเนินการจดทะเบียนการเช่าให้ ต่อมาโจทก์กับสามีจำเลยหักหนี้ค่าเซ้งที่ค้างอยู่เสร็จสิ้นแล้วแต่โจทก์ไม่จดทะเบียนการเช่าตามสัญญา จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์นำสืบก่อน ถึงวันนัดทนายโจทก์ ทนายจำเลยและจำเลยมาศาล ทนายโจทก์แถลงว่าตัวโจทก์และพยานไม่มาศาลโดยไม่ทราบเหตุขัดข้องสุดแต่ศาลจะพิจารณาสั่ง ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ไม่เอาใจใส่คดีละทิ้งคดีเป็นการประวิงคดี สั่งดำเนินการพิจารณาต่อไปโดยไม่ให้เลื่อนและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ จำเลยขอสืบพยานในวันนั้น ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาต จำเลยเข้าเบิกความเป็นพยาน 1 ปากแล้วแถลงหมดพยานศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษาวันเดียวกันเวลา 15 นาฬิกา ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาตัวโจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์มาถึงศาลเวลา 9.40 นาฬิกา เหตุที่ล่าช้าเพราะฝนตกมีรถตักดินเสียขวางถนนเป็นเหตุสุดวิสัย สัญญาที่จำเลยอ้างส่งศาลเป็นเอกสารที่ปลอมแปลงขึ้น โจทก์มีสัญญาตัวจริงพร้อมที่จะแสดงจึงขอให้ศาลให้ความเป็นธรรมแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นสั่ง “รวม” และพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ขอสืบพยานหรือขอให้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดี

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องขอสืบพยานของโจทก์ แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาคดีโจทก์ยื่นคำร้องอ้างเหตุจำเป็นที่มาศาลล่าช้าไม่ทันกำหนดนัด และคัดค้านเอกสารที่จำเลยส่งศาลเป็นพยานขอให้ศาลเมตตาให้ความเป็นธรรมแก่โจทก์ คำร้องนี้โจทก์เป็นผู้เขียนเองจึงมิได้กล่าวถึงความประสงค์ของโจทก์โดยชัดแจ้ง แต่เมื่อได้พิจารณาข้อความในคำร้องทั้งหมดก็พอเข้าใจเจตนาของโจทก์ได้ว่า โจทก์มีความประสงค์จะขอสืบพยานของโจทก์ต่อไปในวันนั้นก็เป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก เมื่อศาลออกนั่งพิจารณาแล้วทนายโจทก์แถลงว่า ตัวโจทก์และพยานไม่มาศาลเลย โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องสุดแท้แต่ศาลจะพิจารณาสั่ง โดยไม่แถลงขอเลื่อนคดี ปรากฏว่าพยานโจทก์ที่อ้างไว้ก็มีเพียง 2 ปาก คือตัวโจทก์และนายเขียน มาแจ้ง ซึ่งเป็นพยานหมายที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าตัวโจทก์ไม่เอาใจใส่คดี ละทิ้งคดีทำให้เสียเวลา เป็นการประวิงคดี ก็เป็นความเข้าใจของศาลชั้นต้นเอง โดยยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงที่จะฟังได้เช่นนั้น เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่ให้โจทก์เลื่อนคดีและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานเข้าสืบ กับอนุญาตให้จำเลยสืบพยานต่อไปจนเสร็จก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาโจทก์มายื่นคำร้องขอสืบพยานต่อไปโดยแสดงเหตุผลที่มาศาลล่าช้าไม่ทันกำหนดนัด จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะต้องทำการไต่สวนให้ได้ความเสียก่อนว่า ข้ออ้างของโจทก์ตามคำร้องนั้นเป็นความจริงหรือไม่ เพราะถ้าเป็นความจริงก็ไม่อาจถือได้ว่าตัวโจทก์ไม่เอาใจใส่คดีละทิ้งคดี ทำให้เสียเวลาเป็นการประวิงคดี ดังที่ศาลชั้นต้นเข้าใจในตอนแรก การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีโดยไม่ไต่สวนและสั่งคำร้องดังกล่าวจึงไม่เป็นไปตามขั้นตอนแห่งการดำเนินกระบวนพิจารณา เป็นการไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องขอสืบพยานของโจทก์แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดีนั้นชอบแล้ว

อนึ่ง ที่จำเลยฎีกาว่า ตามอุทธรณ์ของโจทก์มิได้ขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องและสั่งคำร้องแต่อย่างใด การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องขอสืบพยานของโจทก์และพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จึงเป็นการมิชอบนั้น เห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องและสั่งคำร้องขอสืบพยานของโจทก์ ก็เป็นไปตามขั้นตอนที่จะอนุญาตให้โจทก์นำพยานมาสืบใหม่ตามอุทธรณ์ของโจทก์ได้หรือไม่ จึงเป็นการชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share