คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1777/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ใช้ปืนสั้นชนิดทำเองและกระสุนปืนลูกซองซึ่งเป็นลูกปรายยิงผู้เสียหายทางด้านหลัง 1 นัด ในระยะห่าง 2 วาเศษ กระสุนปืนเฉียดถูกไหล่ขวาได้รับบาดแผลยาวประมาณ 3 เซนติเมตร กว้างประมาณ 1 เซนติเมตร ลึกพอผิวหนังขาด เสื้อที่ผู้เสียหายสวมทะลุ 9 รู แต่ไม่มีบาดแผล และกระสุนปืนที่ยิงยังแผ่กระจายไปถูกเสาไฟฟ้าหน้าร้านที่เกิดเหตุ 1 แห่ง ถูกหลังคาสังกะสีหน้าร้านค้าติดร้านที่เกิดเหตุอีก 7 รู ที่ผู้เสียหายไม่ได้รับบาดเจ็บฉกรรจ์ อาจเป็นเพราะคุณภาพของปืนไม่ดีพอหรือจำเลยที่ 1 ยิงไม่แม่นก็ได้ แต่กระสุนปืนบางกลุ่มทำให้หลังคาสังกะสีทะลุได้ แสดงว่าดินส่งกระสุนปืนหาได้ขาดประสิทธิภาพไม่และอาวุธปืนที่ใช้ยิงเป็นอาวุธที่มีอันตรายร้ายแรงหากจำเลยที่ 1 ยิงผู้เสียหายอย่างจังไม่พลาดแล้วผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองบังอาจร่วมกันฟันและยิงนายสุพรบุญประเสริฐ โดยเจตนาฆ่า แต่การกระทำไม่บรรลุผล นายสุพร บุญประเสริฐจึงไม่ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80, 83

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิง แต่อาวุธปืนไม่สามารถทำอันตรายต่อชีวิตได้ จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่า จำเลยที่ 2ใช้มีดฟันผู้เสียหาย ไม่ผิดฐานพยายามฆ่าเช่นกัน พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295, 83 จำคุกจำเลยที่หนึ่ง 1 ปี จำเลยที่ 2 อายุ 16 ปี ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่ง ให้จำคุก 6 เดือน คำขออื่นให้ยก

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 จำคุก 10 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ใช้ปืนลูกซองสั้นยิงผู้เสียหายทางด้านหลัง 1 นัด ในระยะห่าง 2 วาเศษ กระสุนปืนเฉียดถูกไหล่ขวาได้รับบาดแผลยาวประมาณ 3 เซนติเมตร กว้างประมาณ 1 เซนติเมตรลึกพอผิวหนังขาด และกระสุนปืนยังถูกเสื้อที่ผู้เสียหายสวมทะลุรวม9 รู โดยไม่มีบาดแผล กับกระสุนปืนยังได้แผ่กระจายไปถูกเสาไฟฟ้าที่หน้าร้านเกิดเหตุ 1 แห่ง และไปถูกหลังคาสังกะสีหน้าร้านค้าติดกับร้านที่เกิดเหตุอีก 7 รู แสดงว่าปืนที่จำเลยที่ 1 ใช้ยิงนั้นเป็นปืนชนิดทำเองและใช้กระสุนปืนลูกซองซึ่งเป็นลูกปราย การที่กระสุนปืนเฉียดไหล่ผู้เสียหายเพียงหนังขาด และถูกเสื้อทะลุหลายรูนั้น อาจเป็นเพราะคุณภาพของปืนไม่ดีพอหรือเพราะจำเลยที่ 1 ยิงไม่แม่นก็ได้ แต่กระสุนปืนบางกลุ่มทำให้หลังคาสังกะสีทะลุได้ แสดงว่าดินส่งกระสุนปืนหาได้ขาดประสิทธิภาพไม่ หากจำเลยที่ 1 ยิงถูกผู้เสียหายอย่างจังไม่พลาดแล้ว ก็อาจทำให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บถึงแก่ความตายได้ ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 ใช้ปืนลูกซองสั้น ซึ่งเป็นอาวุธที่มีอันตรายร้ายแรงยิงผู้เสียหาย จึงแสดงถึงเจตนาของจำเลยที่ 1 ที่มีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหาย แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ยิงผู้เสียหายซ้ำเติมอีกก็หาใช่เหตุผลที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาเพียงจะยิงให้บาดเจ็บเท่านั้นไม่ จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

พิพากษายืน

Share