คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1777/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับผู้ตายเกิดโต้เถียงกันก่อนแล้ว จำเลยชกผู้ตาย 1 ที ผละหนีไปผู้ตายหยิบไม้ไล่ตีจำเลย เกิดต่อสู้กันเป็นชุลมุน ในที่สุดจำเลยใช้มีดแทงผู้ตายไป 1 ที ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้เป็นเรื่องที่จำเลยกับผู้ตายสมัครใจวิวาทต่อสู้กัน จำเลยจะอ้างว่าเป็นการป้องกันตนโดยชอบหาได้ไม่
ใช้มีดแทงผู้ตาย 1 ที ในขณะที่จำเลยและผู้ตายต่อสู้กันชุลมุนจำเลยไม่มีโอกาสที่จะเลือกแทงได้ เพราะผู้ตายกำลังตีจำเลยอยู่จำเลยแทงผู้ตายเพียงทีเดียวบังเอิญถูกที่สำคัญ จึงเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยคงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยไม่มีเจตนา
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายก็ลงโทษตามฐานความผิดเท่าที่พิจารณาได้ความได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงนายช่วง ถูกที่หน้าอกซ้ายโดยมีเจตนาฆ่านายช่วงถึงแก่ความตายทันที ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288

จำเลยให้การว่า ได้แทงผู้ตายถึงแก่ความตายจริง แต่กระทำเพื่อป้องกันตัวเพราะผู้ตายไล่ตีจำเลย

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำคุก 15 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุก 10 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยกับผู้ตายเกิดโต้เถียงกันก่อนแล้วจำเลยก็ชกผู้ตายไป 1 ที ผละหนีไป ผู้ตายหยิบไม้ไล่ตีจำเลย เกิดต่อสู้กันเป็นชุลมุนในที่สุดจำเลยใช้มีดแทงผู้ตายไป 1 ที ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยกับผู้ตายสมัครใจวิวาทต่อสู้กัน จำเลยจะอ้างว่าป้องกันตนโดยชอบทำได้ไม่ อย่างไรก็ตามที่จำเลยแทงผู้ตายไปนั้น จะถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายยังไม่ถนัด เหตุการณ์เกิดขึ้นขณะต่อสู้ จำเลยไม่มีโอกาสที่จะเลือกแทงได้ เพราะผู้ตายกำลังตีจำเลยอยู่ จำเลยแทงผู้ตายทีเดียวแต่บังเอิญถูกที่สำคัญ จึงเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยควรมีผิดเพียงฐานทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยมิได้มีเจตนาฆ่า

พิพากษาแก้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วางโทษจำคุก 6 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี

Share