แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความซื้อขายที่ดินมี น.ส.3 ต่างมีหน้าที่ต้องไปที่ว่าการอำเภอเพื่อร้องขอทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาทตามสัญญา ซึ่งทางอำเภอจะต้องประกาศการขอจดทะเบียนสิทธิและนิตกรรมการขายดังกล่าวก่อนมีกำหนด 30 วัน หากไม่มีผู้คัดค้านจึงจะดำเนินการจดทะเบียนให้ต่อไปได้ การที่จำเลยไม่ยอมไปทำคำขอประกาศทำนิติกรรมซื้อขาย โดยเกี่ยงให้โจทก์ชำระค่าที่ดินให้ก่อน จำเลยย่อมเป็นฝ่ายผิดสัญญา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยทำหนังสือยอมความกันว่า จำเลยยอมขายที่ดินมี น.ส.๓ ในอำเภอเมืองสุพรรณบุรีเนื้อที่ ๔๘ ไร่เศษ ราคา ๓๗,๐๐๐ บาทให้แก่โจทก์ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๗ ในกำหนดดังกล่าวโจทก์ขอให้จำเลยดำเนินการโอนที่ดินให้แก่โจทก์หลายครั้ง จำเลยไม่ยอม ขอให้บังคับจำเลยโอนขายที่ดินดังกล่าว ถ้าไม่ยอมขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยบออกให้โจทก์นำเงินมาชำระและจะโอนที่ดินให้ แต่จำเลยไม่ยอมชำระ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ผิดสัญญาไม่มีเงินชำระให้จำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ โดยให้โจทก์ชำระราคาที่ดิน ๓๗,๐๐๐ บาทในวันจดทะเบียนนิติกรรมซื้อขาย ถ้าจำเลยไม่ยอมไปร้องขอทำนิติกรรมโอนที่ดินให้โจทก์ ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓) ซึ่งการจดทะเบียนสิทธิและนิตกรรมเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวจะต้องจดทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอและจะต้องประกาศการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมก่อนมีกำหนด ๓๐ วัน หากไม่มีผู้ใดคัดค้านจึงดำเนินการจดทะเบียนต่อไปได้ ดังที่กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ ๗ พ.ศ.๒๔๙๗ ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.๒๔๙๗ กำหนดไว้ ซึ่งโจทก์จำเลยต่างต้องมีหน้าที่ไปร้องขอทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาทตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งทางอำเภอจะต้องประกาศการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการขายดังกล่าวก่อนมีกำหนด ๓๐ วัน หากไม่มีผู้ใดคัดค้านจึงจะดำเนินการจดทะเบียนให้โจทก์ต่อไปได้ การที่จำเลยเกี่ยงให้โจทก์ชำระเงินค่าที่ดินให้แก่จำเลยก่อนในวันไปขอทำประกาศนิติกรรมซื้อขายจึงเป็นการไม่ชอบ เพราะยังไม่ทราบว่าจะมีผู้ใดคัดค้านการซื้อขายที่ดินพิพาทหรือไม่ โจทก์จะเป็นฝ่ายผิดสัญญาก็ต่อเมื่อครบประกาศของอำเภอแล้วโจทก์ไม่มีเงินค่าที่ดินมาชำระให้แก่จำเลย
พิพากษายืน