คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1775/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกจากจำเลยผู้เป็นทายาทชั้นเดียวกัน โดยกล่าวในฟ้องว่า ได้ปกครองทรัพย์นั้นร่วมกับจำเลย ฝ่ายจำเลยต่อสู้ว่า ผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้จำเลยและต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ได้ครอบครอง โจทก์ฟ้องคดีนี้เกิน 1 ปีแล้ว เมื่อปรากฏว่า โจทก์ฟ้องคดีเกิน 1 ปีแล้วเช่นนี้ โจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบก่อนว่าเหตุใดตนจึงชอบที่จะฟ้องคดีเกิน 1 ปีได้ ถ้าโจทก์จำเลยต่างไม่สืบพยาน จำเลยก็ย่อมชนะคดี

ย่อยาว

โจทก์ จำเลยเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน โจทก์ฟ้องเรียกเอามรดกของบิดาจากจำเลยครึ่งหนึ่งโดยกล่าวในฟ้องว่า ได้ปกครองที่พิพาทร่วมกับจำเลยมา

จำเลยต่อสู้ว่า บิดาทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้จำเลยกับน้องคนอื่นแล้ว และต่อสู้ว่าจำเลยครอบครองมาฝ่ายเดียว โจทก์นำคดีมาฟ้องเกิน 1 ปี คดีขาดอายุความแล้ว

คู่ความต่างไม่สืบพยาน และรับว่านายคล้อยบิดาตายเมื่อเดือน 11 พ.ศ. 2489 (เกิน 1 ปีแล้ว)

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่า ได้ปกครองที่พิพาทร่วมมากับจำเลย เพื่อเป็นข้อสำคัญในการที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อเจ้ามรดกตายมากว่า 1 ปีได้นั้น เมื่อไม่มีการสืบพยานกัน ก็รับฟังเป็นความจริงไม่ได้ และที่ฝ่ายจำเลยอ้างว่า นายคล้อยทำพินัยกรรมยกที่พิพาทให้จำเลยและนายสำราญ ก็ฟังไม่ได้เช่นเดียวกัน

คงเหลือข้อสำคัญต่อไปว่า นายคล้อยเจ้ามรดกตายไปกว่า 1 ปีแล้วโจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ขอแบ่งมรดกจากจำเลยผู้เป็นทายาทของเจ้ามรดกเช่นเดียวกับโจทก์และจำเลยก็ตัดฟ้องว่า คดีขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574 และโจทก์ก็ไม่นำสืบแก้ไขประการใด คดีโจทก์ไม่มีทางชนะ

จึงพิพากษายืน

Share