แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยทำสัญญากันว่า หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาแล้ว ให้จำเลยเสียเบี้ยปรับจำนวนหนึ่ง เช่นนี้ เป็นการทำสัญญาตามประมวลแพ่งฯ มาตรา 381 (ไม่ใช่ 380)
เมื่อศาลเห็นว่าเบี้ยปรับที่คู่ความทำสัญญากันไว้ดังกล่าวแล้วสูงเกินสมควรไป ศาลมีอำนาจที่จะกะให้ตามที่ศาลเห็นสมควรตาม มาตรา 383
เบี้ยปรับตามสัญญาเป็นทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง ชอบที่ผู้ผิดนัดจะต้องชำระดอกเบี้ยจากจำนวนเงินเบี้ยปรับด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์จำเลยทำสัญญากันตามสำเนาท้ายฟ้อง ลงวันที่13 กันยายน 2495 รับรองว่าที่ดินในซอยสีฟ้า ตำบลสามเสนใน โฉนดที่9565 ในส่วนที่เป็นของจำเลยนั้น โจทก์มีส่วนอยู่ด้วยครึ่งหนึ่ง ถ้าจำเลยจะขายต้องแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง มีข้อสัญญาข้อ 2 ในส่วนที่เกี่ยวกับประเด็นในคดีนี้ว่า “หากข้าพเจ้าไม่แบ่งเงินส่วนของนางเฉลิมวรรณให้ทันทีที่ได้รับ โดยนำไปใช้จ่ายส่วนตัวหรือหาผลประโยชน์เสียก่อน ข้าพเจ้ายอมให้นางเฉลิมวรรณปรับเท่ากับส่วนแบ่งที่นางเฉลิมวรรณพึงได้รับ” บัดนี้จำเลยได้ขายและได้รับเงินมาแล้วไม่ชำระให้โจทก์รวม 32,123 บาท 25 สตางค์ จึงฟ้องเรียกเงินนั้นพร้อมกับค่าปรับเท่ากันพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้ว่า เมื่อได้รับเงินโจทก์ไปต่างประเทศ จึงไม่สามารถให้โจทก์ได้ ได้แต่รักษาเงินนั้นไว้ จำเลยไม่เคยเอาไปใช้ส่วนตัวหรือเอาไปหาประโยชน์ ก่อนฟ้องโจทก์ไม่ได้บอกกล่าวก่อน ฯลฯ จึงขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วให้จำเลยใช้เงิน 32,123.25 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้เบี้ยปรับแก่โจทก์ 15,000 บาทอีกด้วย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 380 นั้น เป็นเบี้ยปรับซึ่งลูกหนี้จะให้แทนการชำระหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้จะเลือกเอาเบี้ยปรับหรือเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก็ได้คดีนี้ต้องใช้มาตรา 381 ซึ่งเป็นเบี้ยปรับซึ่งลูกหนี้ได้สัญญาไว้ว่าจะให้แก่เจ้าหนี้เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องตามควร ฉะนั้นนอกจากเรียกให้ชำระหนี้แล้ว เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะเรียกเบี้ยปรับอีกโสดหนึ่ง แต่เบี้ยปรับตามสัญญาไว้นั้นสูงเกินไป ศาลมีอำนาจตาม มาตรา 383 ที่จะวินิจฉัยให้ควรเพียงใด จึงกะให้ 5,000 บาทพร้อมกับดอกเบี้ยในจำนวนนี้ นอกนั้นพิพากษายืน