แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คำร้องขอพิจารณาใหม่ที่ยื่นมานั้นถ้าศาลพิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่าเป็นคำร้องที่ไม่กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งสาเหตุที่ขาดนัดและข้อคัดค้านคำชี้ขาดตัดสินของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208วรรคสองศาลก็มีอำนาจสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้และเมื่อมีคำสั่งให้ยกคำร้องเสียแล้วก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องส่งสำเนาคำร้องให้แก่อีกฝ่ายเพื่อคัดค้านหรือไม่อีก จำเลยทราบว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องขอพิจารณาใหม่ฉบับแรกแล้วได้ยื่นคำร้องฉบับที่2อีกครั้งหนึ่งเพื่อให้คำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยสมบูรณ์ตามกฎหมายแม้คำร้องฉบับที่2จะต่อเนื่องเป็นเรื่องเดียวกันกับฉบับแรกก็ตามแต่จำเลยก็ต้องยื่นต่อศาลภายในกำหนด15วันนับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้จำเลย
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายเนื่องจากละเมิดเป็นเงิน 479,634.25 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 446,171.41 บาทนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 446,171.41 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันกระทำละเมิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องจะต้องไม่เกิน 33,462.85 บาท และได้ส่งคำบังคับให้จำเลยที่ 2เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2535 โดยวิธีปิดหมาย
วันที่ 23 เมษายน 2535 จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคำขอให้พิจารณาใหม่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง ให้ยกคำร้องวันที่11 พฤษภาคม 2535 จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่อีกศาลชั้นต้นรับคำร้องและนัดไต่สวน ต่อมาได้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวเนื่องจากจำเลยที่ 2 ยื่นพ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้และให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยที่ 2 ฎีกาข้อต่อไปว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคลาดเคลื่อนไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้เพราะคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 2 ฉบับลงวันที่ 23เมษายน 2534 นั้น ศาลชั้นต้นหาได้มีคำสั่งให้ส่งสำเนาคำร้องให้แก่โจทก์แต่อย่างใดไม่ เมื่อจำเลยที่ 2 ทราบคำสั่งว่าศาลไม่รับคำร้องฉบับแรก จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องฉบับที่ 2 เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2535 อีกครั้ง เพื่อให้คำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 2 สมบูรณ์ตามกฎหมายนั้น เห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นไม่ได้มีคำสั่งให้ส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์ ก็เพราะศาลชั้นต้นได้พิจารณาคำร้องของจำเลยที่ 2 แล้ว เห็นว่าเป็นคำร้องที่ไม่กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งสาเหตุที่ขาดนัดและข้อคัดค้านคำชี้ขาดตัดสินของศาลตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ 2 ได้ และเมื่อมีคำสั่งให้ยกคำร้องเสียแล้ว ก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องส่งสำเนาคำร้องให้แก่โจทก์เพื่อคัดค้านหรือไม่อย่างไรอีก คำสั่งศาลชั้นต้นจึงชอบแล้วเมื่อจำเลยที่ 2 ทราบคำสั่งว่าศาลชั้นต้นไม่รับคำร้องฉบับแรกก็ได้ยื่นคำร้องฉบับที่ 2 เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2535อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 2สมบูรณ์ตามกฎหมาย แม้คำร้องฉบับที่ 2 จะต่อเนื่องเป็นเรื่องเดียวกันกับฉบับแรกก็ตาม แต่จำเลยที่ 2 ก็ต้องยื่นต่อศาลภายในกำหนด 15 วันนับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้จำเลยในเมื่อคดีนี้ได้ส่งคำบังคับให้จำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม2535 โดยวิธีปิดหมายจำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องฉบับที่ 2 ได้ภายในวันที่ 27 เมษายน 2535 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคแรก แต่เมื่อจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องฉบับที่ 2ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2535 จึงเลยกำหนดเวลาดังกล่าว ย่อมไม่มีสิทธิจะขอให้พิจารณาใหม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน