แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยสมคบกันเล่นการพนันสลากกินรวม พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดให้มีการเล่นขึ้นเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งจำเลยทั้งสองกับพวกที่ยังหลบหนีอยู่ เป็นผู้เข้าเล่น ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.กาาพนันดังนี้ เป็นฟ้องที่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) แล้วไม่จำเป็นจะต้องบรรยายวิธีเล่นโดยละเอียดอีก
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องกล่าวว่า เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๔๙๓ “จำเลยได้สมคบกันเล่นการพนันสลากกินรวม โดยจำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดให้มีการพนันนี้ขึ้น เพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งจำเลย และจำเลยทั้งสองสมคบกันกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้เข้าเล่นการพนันนี้พนันเอาทรัพย์กันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน” ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.การพนัน
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องของโจทก์ขาดรายละเอียดตามบทบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๘ ที่กล่าวว่าเล่นการพนันสลากกินรวบนั้นเล่นอย่างไร มีอะไรเป็นสินพนัน ฯลฯเป็นฟ้องเคลือบคลุม พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่า ข้อหาว่าจำเลยสมคบกันเล่นการพนันสลากกินรวบ ก็มีบรรยายถึงการกระทำของจำเลยและข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วว่า จำเลยต้องหาว่าได้กระทำผิดอย่างไร ไม่จำเป็นต้องให้โจทก์อธิบายถึงวิธีเล่นโดยละเอียดอีก เรื่องสินพนันก็บรรยายแล้วว่าจำเลยกับพวกพนันเอาทรัพย์กัน หาเป็นการฟ้องเคลือบคลุมไม่ จึงพิพากษายืน
