แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำให้การของ ร.ชั้นสอบสวนเป็นพยานบอกเล่า เมื่อไม่ได้ตัว ร.มาเบิกความที่ศาลเพราะถูกคนร้ายลอบยิงตายเสียก่อน แม้จะมีน้ำหนักน้อย แต่ก็ใช้เป็นคำประกอบคำเบิกความของพยานอื่นได้(อ้างฎีกาที่ 692/2499)
เมื่อเจ้าพนักงานจับ ส. ได้ ส. ให้การว่าจำเลยและ ส. ได้ไปทำการปล้น พนักงานสอบสวนกัน ส. ไว้เป็นพยาน ส.มาเบิกความยืนยันข้อความดังกล่าว คำของ ส. ซึ่งเป็นผู้กระทำผิดและโจทก์กันไว้เป็นพยาน เป็นคำพยานที่รับฟังได้(อ้างฎีกาที่ 200/2474) แต่มีน้ำหนักน้อย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๘๐,๘๓ ฯลฯ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้ง ๔ มีความผิดฐานปล้นทรัพย์ โดยใช้อาวุธปืนยิงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐, ๘๓ ให้จำคุกจำเลยไว้คนละ ๒๐ ปี จำเลยที่ ๓ อายุ ๑๘ ปี ลดมาตราส่วนโทษให้ ๒ ใน ๓ และให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน ลดให้อีก ๑ ใน ๓ จำคุกจำเลยที่ ๓ มีกำหนด ๘ ปี ๑๐ เดือน ๒๐ วัน ฯลฯ
จำเลยทั้ง ๔ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าคำให้การของนายรอดชั้นสอบสวนเป็นพยานบอกเล่า เมื่อไม่ได้ตัวนายรอดมาเบิกความที่ศาลเพราะถูกคนร้ายลอบยิงตายเสียก่อน แม้จะมีน้ำหนักน้อย แต่ก็ใช้เป็นคำประกอบคำเบิกความของพยานอื่นได้ (ตามนัยฎีกาที่ ๖๙๒/๒๔๙๙)
เมื่อเจ้าพนักงานจับนายสนั่นได้ นายสนั่นก็ให้การรับว่าจำเลยทั้ง ๔ และนายสนั่นได้ไปทำการปล้นกระบือรายนี้ พนักงานสอบสวนได้กันนายสนั่นไว้เป็นพยาน นายสนั่นได้มาเบิกความยืนยันข้อความดังกล่าว คำของนายสนั่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดซึ่งโจทก์กันไว้เป็นพยาน เป็นคำพยานที่รับฟังได้ (อ้างฎีกาที่ ๒๐๐/๒๔๗๔) แม้จะมีนำหนักน้อย
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑,๒,๓ กระทำผิดฐานปล้นทรัพย์จริง ส่วนสำหรับจำเลยที่ ๔ พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอลงโทษ
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษจำเลยที่ ๑,๒,๓ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น สำหรับจำเลยที่ ๔ ให้ยกฟ้องโจทก์ ฯลฯ