แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ทำสัญญาใบจองระวางเรือกับจำเลยเพื่อขนข้าวสารของโจทก์ ไปต่างประเทศ โจทก์ขนข้าวสารบางส่วนขึ้นเรือแล้วต่อมาจำเลย สั่งระงับและสั่งให้ขนลงจากเรือทั้งหมด ในสัญญาใบจองระวางเรือ มีข้อความว่าใบตราส่งซึ่งเป็นแบบพิมพ์ที่ใช้อยู่ตามปกติของผู้ขนส่ง จะถูกนำมาใช้ ข้อกำหนดเงื่อนไขและข้อยกเว้นทั้งปวงของใบตราส่ง จะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญานี้ ซึ่งถือว่าเป็นผลประโยชน์เฉพาะในระหว่างช่วงเวลานี้จนกว่าจะออกใบตราส่ง แสดงว่าสัญญาใบจอง ระวางเรือผูกพันโจทก์จำเลยจนกว่าจะมีการออกใบตราส่ง ดังนั้นเมื่อยังไม่มีการออกใบตราส่งให้โจทก์ผู้ส่งจึงอยู่ในระยะเวลาที่สัญญาใบจองระวางเรือใช้บังคับ จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ว่าจ้างจำเลยขนข้าวสารจากท่าเรือกรุงเทพไปยังท่าเรือเมืองฟรีทาวน์ ประเทศเซียร์ราลีโอน โจทก์ขนถ่ายข้าวสารจากโกดังลงเรือแล้ว ต่อมาจำเลยแจ้งระงับการขนถ่ายและให้โจทก์ขนข้าวสารขึ้นจากเรือทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายรวมเป็นเงิน 4,689,367.47 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การว่า จำเลยมีฐานะเป็นตัวแทนของผู้เช่าเรือหรือเจ้าของเรือเท่านั้น จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 718,757.48 บาท พร้อมดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2522 โจทก์ทำสัญญาขายข้าวสารจำนวน5,000 เมตริกตัน ให้แก่ผู้ซื้อในประเทศอังกฤษโดยจะต้องส่งข้าวสารดังกล่าวจากท่าเรือกรุงเทพ ไปยังเมืองฟรีทาวน์ ประเทศเซียร์ราลีโอน ทวีปแอฟริกา เดือนมิถุนายน 2522 โจทก์ทำสัญญาใบจองระวางเรือกับจำเลย เอกสารหมาย จ.2 เพื่อขนข้าวสารของโจทก์ระบุชื่อเรือที่จะบรรทุกข้าวสารของโจทก์ว่าเรือ “นครธน” หรือเรืออื่นที่จำเลยจัดหามาแทนกำหนดขนถ่ายข้าวสารระหว่างวันที่ 1ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2522 ต่อมาวันที่ 17 กรกฎาคม 2522 จำเลยแจ้งโจทก์ว่าให้โจทก์ขนข้าวสารบรรทุกเรือ “แปซิฟิก กลอรี่”ซึ่งเข้าเทียบท่าเรือกรุงเทพแล้ว โจทก์ขนข้าวสารขึ้นบรรทุกเรือลำดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 25 ถึงวันที่ 27 กรกฎาคม 2522 ได้บางส่วนก็ต้องหยุดขนเพราะบริษัทผู้เช่าเรือพิพาทกับเจ้าของเรือและต้องขนถ่ายข้าวสารลงจากเรือทั้งหมด
ปัญหาข้อแรกมีว่า จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ จำเลยฎีกาว่าสัญญาเอกสารหมาย จ.2 เป็นเพียงสัญญาใบจองระวางเรือซึ่งมีข้อความว่าจำเลยจะจัดการจองระวางเรือ “นครธน” หรือเรืออื่นที่จำเลยจัดมาแทนเพื่อบรรทุกข้าวสารของโจทก์ เมื่อจำเลยจัดการให้โจทก์ขนข้าวสารบรรทุกเรือ “แปซิฟิค กลอรี่” แล้ว ถือได้ว่าสัญญาขนส่งเริ่มขึ้นการผูกพันตามสัญญาใบจองระวางหรือตามเอกสารหมาย จ.2ย่อมสิ้นสุดลง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามสัญญาเอกสารหมาย จ.2อีกต่อไป เห็นว่าสัญญาใบจองระวางเรือเอกสารหมาย จ.2 ข้อ 6มีข้อความว่าใบตราส่งซึ่งเป็นแบบพิมพ์ที่ใช้อยู่ตามปกติของผู้ขนส่งจะถูกนำมาใช้ ข้อกำหนดเงื่อนไขและข้อยกเว้นทั้งปวงของใบตราส่งจะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญานี้ ซึ่งถือว่าเป็นผลประโยชน์เฉพาะในระหว่างช่วงเวลานี้จนกว่าจะออกใบตราส่ง ใบตราส่งจะรับได้จากสำนักงานของผู้ขนส่ง แสดงว่าสัญญาใบจองระวางเรือเอกสารหมาย จ.2ผูกพันโจทก์จำเลยจนกว่าจะมีการออกใบตราส่งข้าวสารของโจทก์ ซึ่งใบตราส่งนั้นผู้ขนส่งจะเป็นผู้ออกให้แก่โจทก์ผู้ส่ง เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าการขนข้าวสารของโจทก์บรรทุกเรือ “แปซิฟิค กลอรี่” ถูกระงับการบรรทุกยังไม่แล้วเสร็จ และยังไม่มีการออกใบตราส่งให้โจทก์ผู้ส่งจึงอยู่ในระยะเวลาที่สัญญาใบจองระวางเรือ เอกสารหมาย จ.2ใช้บังคับโจทก์จำเลยอยู่หาสิ้นสุดลงดังฎีกาของจำเลยไม่ ดังนั้นจำเลยจึงยังต้องรับผิดตามสัญญาใบจองระวางเรือเอกสารหมาย จ.2″
พิพากษายืน