แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่ฟ้องขอแสดงสิทธิที่จะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้ดีกว่าผู้อื่นตามความใน ม.17 แห่ง พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2474 นั้น เป็นคดีที่ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวนเป็นราคาจริงได้ตาม ม.189 (3) แม้ในฟ้องจะได้กล่าวอ้างว่าเครื่องหมายการค้ามีราคาถึง 10,000 บาท ก็ตามก็ไม่ใช่เรื่องทุนทรัพย์ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.แพ่ง ม.258
แม้โจทก์จะมีสิทธิจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้ดีกว่าจำเลยก็ตาม แต่โจทก์มิได้จดทะเบียนไว้ภายในกำหนดเวลา 5 ปี ตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2474 ม.29 วรรคต้นแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะขอห้ามมิให้จำเลยใช้เครื่องหมายการค้าได้
ฎีกาที่ 1843/2497
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์และจำเลยต่างยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนเครื่องหมายการค้า เพื่อขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในสินค้าประเภทที่ ๘ สำหรับสินค้าแว่นตาอย่างเดียวกัน และขอให้ตัวอักษรเป็นเครื่องหมายการค้าเช่นเดียวกันโดยโจทก์ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าว่า “HACO” (ฮาโก้) และจำเลยขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าว่า “MACO” (มาโก้) โจทก์จำเลยตกลงกันไม่ได้จึงนำคดีมาฟ้อง อ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของและผู้ประดิษฐ์เครื่องหมายการค้า “HACO” ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้ที่มีสิทธิจะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “MACO” ดีกว่าจำเลย ฯลฯ
จำเลยต่อสู้ว่า ” MACO” ของจำเลยไม่เหมือนหรือคล้ายกับ”HACO”ของจำเลยไม่ ได้เลียนแบบของผู้ใดและไม่เป็นเหตุให้มหาชนเข้าใจผิด จำเลยได้ยื่นคำขอจดทะเบียนก่อนโจทก์ด้วย โจทก์ไม่มีสิทธิห้ามจำเลย ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิที่จะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “HACO” ดีกว่าจำเลย ห้ามมิให้จำเลยใช้เครื่องหมายการค้า “MACO”ต่อไป และให้จำเลยถอนคำจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “MACO” เสีย
จำเลยอุทธรณ์เห็นว่าเครื่องหมายการค้ารายที่เหมือนกันหากนายทะเบียนเห็นสมควร ก็อาจรับจดทะเบียนให้ทั้งสองฝ่ายได้ตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.๒๔๗๔ ม.๑๘ กรณีที่จะนำคดีขึ้นมาสู่ศาลตาม ม.๑๗ ต้องหมายถึงเฉพาะกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสิทธิที่จะอ้างอิงได้ดีกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งอีกฝ่ายหนึ่งได้โต้แย้งสิทธิของตน ผู้ที่เสียสิทธิก็ชอบจะใช้สิทธิทางศาลตาม ป.วิ.แพ่ง.๕๕ แต่เครื่องหมายการค้าของโจทก์ยังไม่ได้จดทะเบียน ไม่ปรากฎความใน มาตราใดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้าใช้สิทธิอันใดขึ้นตาม ก.ม.โจทก์ไม่มีสิทธิพิเศษอย่างใดที่จะเอากรณีนี้มาฟ้องศาล พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ม.๑๗ แห่ง พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.๒๔๗๔ บัญญัติไว้เป็นพิเศษให้คู่กรณีนำคดีมาเสนอต่อศาลได้ ไม่เกี่ยวกับ ม.๑๘ พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาคดีเรื่องนี้ใหม่ตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๘๔๓/๒๔๙๗
ศาลอุทธรณ์พิจารณาคดีเรื่องนี้ใหม่ และพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาอ้างเหตุผล ๓ ประการ
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีโจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีสิทธิที่จะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ได้ดีกว่าจำเลยตามความใน ม.๑๗ แห่ง พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.๒๔๗๔ เท่านั้น จึงเป็นคดีที่ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวนเป็นราคาเงินได้ ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.๑๘๙ (๓) แม้ในฟ้องของโจทก์ จะได้กล่าวอ้างว่าเครื่องหมายการค้าของโจทก์มีราคาถึง ๑๐,๐๐๐ บาท ก็ไม่ใช่เรื่องทุนทรัพย์ จึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.๒๔๘ ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
ความใน ม.๑๗ แห่ง พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.๒๔๗๔ นี้ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเครื่องหมายการค้าเหมือนกันทีเดียว เพียงแต่เกือบเหมือนกันก็เป็นการเพียงพอตามความประสงค์ของกฎหมายมาตรานี้แล้ว
เรื่องใช้เครื่องหมายการค้าสุจริตหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริงไม่รับวินิจฉัย
คดีนี้เป็นเรื่องต่างกำลังขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าด้วยกัน และนายทะเบียนสั่งตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.๒๔๗๔ ม.๑๗ อันเป็นบทบัญญัติพิเศษเฉพาะกรณีจำเลยจะยกเอา ม.๒๙ วรรคต้นอันเป็นบทบัญญัติสำหรับกรณีอย่างอื่นขึ้นมาตัดสิทธิฟ้องร้องของโจทก์ในกรณีเช่นนี้ไม่ได้
แต่อย่างไรก็ดีแม้โจทก์จะมีสิทธิที่จะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้ดีกว่าจำเลยก็ตาม แต่โจทก์ยังมิได้จดทะเบียน ตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.๒๔๗๔ ซึ่งตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.๒๔๗๔ ม.๒๘ วรรคต้นบัญญัติว่า “เมื่อได้ใช้ พ.ร.บ.นี้ห้าปีแล้ว ท่านว่าผู้ใดจะนำคดีสู่ศาลเพื่อป้องกันหรือเรียกค่าเสียหายในการล่วงสิทธิเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนนั้นไม่ได้ ” โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิที่จะขอห้ามมิให้จำเลยใช้เครื่องหมายการค้า ” MACO” ในขณะนี้ได้ จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ข้อ ๒ วรรคต้น เรื่องห้ามมิให้จำเลยใช้เครื่องหมายการค้า “MACO” ต่อไปนั้น ให้ยกเสีย นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น