คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1765/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2516 โจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2516จากนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการชั้นบังคับคดีโดยยึดทรัพย์จำเลยและประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดหลายครั้งและศาลอนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์ได้เงินจากการขายทอดตลาดมาหักหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2517 การดำเนินการชั้นบังคับคดีนับแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2516 ถึงวันที่ 21 สิงหาคม 2517 เป็นการดำเนินการภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาคดีดังกล่าว ทั้งเป็นการกระทำอื่นใด นับว่ามีผลอย่างเดียวกับการฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องและเพื่อให้ใช้หนี้ตามที่เรียกร้อง ย่อมเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงนับตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2517 ตามความในมาตรา 173 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โจทก์ฟ้องคดีล้มละลายนี้เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2517 ยังไม่ล่วงเลยกำหนดเวลาสิบปีฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาเป็นต้นเงิน1,294,321.84 บาท ดอกเบี้ย 1,187,592.54 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,481,914.39 บาท จำเลยทั้งสองเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวขอให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลาย จำเลยทั้งสองไม่ยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาว่า คดีนี้โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องอันตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษาชั้นที่สุดของศาลซึ่งถึงที่สุดแล้วตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2516โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2527 ล่วงเลยกำหนดอายุความสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 168 ให้ยกฟ้อง นั้นข้อเท็จจริงได้ความว่าหลังจากศาลแพ่งพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่441/2516 แล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2516 โจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาจากนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการชั้นบังคับคดีโดยยึดทรัพย์จำเลยและประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดหลายครั้ง และศาลอนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์ ได้เงินจากการขายทอดตลาดมาหักหนี้ตามคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2517การดำเนินการชั้นบังคับคดีนับแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2516 ถึงวันที่21 สิงหาคม 2517 เป็นการดำเนินการภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาดังกล่าว ทั้งเป็นการทำการอื่นใดอันนับว่ามีผลอย่างเดียวกับการฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องและเพื่อให้ใช้หนี้ตามที่เรียกร้องย่อมเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงนับตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2517ตามความในมาตรา 173 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์โจทก์ฟ้องคดีล้มละลายนี้ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2517 ยังไม่ล่วงเลยกำหนดเวลาสิบปี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้วนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาโจทก์ฟังขึ้น และแม้ศาลล่างทั้งสองยังไม่ได้วินิจฉัยประเด็นอื่นศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไปได้ เมื่อคดีได้ความจริงตามพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์รวมทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยเป็นเงิน 2,481,914.39 บาท และไม่มีทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะพึงยึดมาชำระหนี้ได้อันถือได้ว่าจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัวทั้งไม่มีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย คดีจึงมีเหตุสมควรพิพากษาให้จำเลยทั้งสองล้มละลายได้”
พิพากษากลับ ให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาด ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยหักจากกองทรัพย์สินของจำเลยทั้งสอง สำหรับค่าทนายความให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดตามที่เห็นสมควร

Share