คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1765/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยลงบันไดกุฎิเดินไปราว 9-10 วา แล้วพูดว่า “ถ้าไม่เห็นแก่ผ้าเหลืองหรือไม่ใช่พระ จะเตะให้ตกกุฏิให้หมดเลย” จำเลยกล่าวถ้อยคำเหล่านี้แก่พระภิกษุซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของประชาชน แม้จะไม่ได้กล่าวต่อหน้าแต่พระภิกษุซึ่งถูกกล่าวนั้นได้ยินถ้อยคำที่จำเลยกล่าว ก็เป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจกล่าวใช่ความพระภิกษุศรีจันทร์ว่า “พระไม่มีมารยาทไม่มีศีล พระไม่มีมารยาทเช่นนี้ต้องเป็นศัตรูกัน” อันอาจทำให้พระภิกษุศรีจันทร์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังและได้กล่าวดูหมิ่นพระภิกษุศรีจันทร์ซึ่งหน้าว่า “ถ้าไม่ใช่เป็นพระและไม่เห็นแก่ผ้าเหลือง จะเตะเสียให้ตกุฏิ ” ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๒๖,๓๔๓,๔๑
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าข้อหาฐานหมิ่นประมาท จำเลยได้กล่าวถ้อยคำว่า พระภิกษุศรีจันทร์ไม่มีมารยาท เสียมารยาท ไม่เป็นการหมิ่นประมาท ส่วนข้อหาฐานดูหมิ่น เห็นว่า พระภิกษุศรีจันทร์ พระภิกษุบุญธรรม และจำเลยต่างอยู่ในอารมณ์โกรธ และได้พูดโต้ตอบกันหลายคำ จำเลยจึงได้กล่าวว่า “นี่เกรงว่าเป็นพระถ้าไม่ใช่พระจะเตะให้ตกกุฏิให้หมด” เป็นถ้อยคำกล่าวในขณะทะเลาะด่าว่ากัน จึงไม่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า น่าเชื่อว่าจำเลยกล่าวถ้อยคำแต่เพียง่า “พระไม่มีมายาท พระเสียมารยาท ” จำเลยไม่ได้พูดว่า “พระไม่มีศีล” จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทตามมาตรา ๓๒๖ ส่วนข้อหาว่าดูหมิ่น เชื่อว่าจำเลยได้กล่าวถ้อยคำว่า “นี่เกรงว่าเป็นพระ ถ้าไม่ใช่พระ จะเตะให้ตกกุฏิให้หมด” จริง จำเลยกล่าวถ้อยคำนี้แก่พระภิกษุซึ่งประชาชนทั่วไป ถือว่าเป็นบุคคลที่เคารพ เป็นการดูหมิ่นตามมาตรา ๓๙๓ พิพากษากลับ ลงโทษจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๓
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า นอกจากถ้อยคำพระภิกษุศรีจันทร์ผู้เสียหายแล้ว โจทก์ยังมีพระภิกษุบุญธรรม พระภิกษุทองเตือนและพระภิกษุสำเภาเป็นพยานเบิกความว่า เมื่อจำเลยลงบันไดกุฏิไปราว ๙-๑๐ วา จำเลยพูดว่า “ถ้าไม่เห็นแก่ผ้าเหลืองหรือไม่ใช่พระ จะเตะให้ตกกุฏิให้หมดเลย” เป็นการสอดคล้องกันกับคำเบิกความของพระภิกษุศรีจันทร์ รับฟังเป็นความจริงได ฯลฯ จำเลยกล่าวถ้อยคำเหล่านี้แก่พระภิกษุซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของประชาชน แม้จะไม่ได้กล่าวต่อหน้า แต่พระภิกษุศรีจันทร์และพระภิกษุพยานโจทก์ก็ได้ยินถ้อยคำที่จำเลยกล่าว ย่อมเป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๓ ฯลฯ ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share