คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1758/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินของโจทก์มีที่ดินแปลงอื่นรวมทั้งที่ดินของจำเลยล้อมรอบแต่มีทางที่โจทก์จะออกไปสู่ทางสาธารณะได้3ทางทางแรกยาว115เมตรทางที่สองยาว140.30เมตรทางที่สามยาว115.50เมตรโดยอาศัยผ่านที่ดินของผู้อื่นหากโจทก์จะทำทางผ่านที่ดินของจำเลยไปสู่ทางสาธารณะยาว84เมตรก็ใกล้กว่าทางอื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นโจทก์จะถือเหตุเพียงเพื่อความสะดวกของโจทก์เท่านั้นหาได้ไม่เมื่อโจทก์มีทางออกสู่ทางสาธารณะโดยไม่ต้องผ่านที่ดินของจำเลยโจทก์จึงไม่มีสิทธิขอทำทางจำเป็นผ่านที่ดินของจำเลยออกไปสู่ทางสาธารณะ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมีโฉนดซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าวโดยอยู่ติดกับที่ดินมีโฉนดของจำเลยที่ดินของจำเลยทางด้านทิศเหนือติดทางสาธารณะ ส่วนที่ดินของโจทก์อยู่ในที่ล้อมของที่ดินแปลงอื่น ไม่มีทางออกติดต่อกับทางสาธารณะ โจทก์ได้ทำทางจากที่ดินโจทก์ไปสู่ทางสาธารณะกว้าง 2.50 เมตร เข้ามาในที่ดินของจำเลย แต่เมื่อประมาณต้นเดือนมิถุนายน 2535 จำเลยได้ปิดกั้นลวดหนามและปักเสาไม่ยอมให้โจทก์ใช้ทาง ขอให้บังคับจำเลยเปิดทางพิพาทตามแผนที่ท้ายฟ้องมีความกว้าง 2.50 เมตร และมีความยาวจากที่ดินโจทก์ไปสู่ทางสาธารณะ
จำเลยให้การว่า ที่ดินของโจทก์อยู่ในที่ล้อม ไม่ติดทางสาธารณะแต่เดิมที่ดินของจำเลยให้เช่าทำคอกเลี้ยงวัวโดยกั้นรั้วล้อมรอบที่ดิน ปัจจุบันใช้เพาะปลูกต้นไม้ ในที่ดินของจำเลยไม่มีทางผ่าน โจทก์ไม่เคยผ่านที่ดินและไม่เคยทำทางผ่านที่ดินของจำเลยแต่อย่างใด โจทก์สามารถเข้าออกที่ดินของโจทก์ได้โดยมีทางเข้าออกที่ดินซึ่งใช้อยู่เป็นประจำทุกวัน ไม่ได้ผ่านของจำเลย โดยโจทก์ขออนุญาตจากนางสมจิตต์ปักเสาไฟฟ้าและพาดสายไฟฟ้าจากทางสาธารณะผ่านที่ดินของนางสมจิตต์เข้าสู่ที่ดินของโจทก์ และใช้ทางผ่านเข้าออกที่ดินของโจทก์ตามแนวพาดผ่านสายไฟฟ้า โจทก์ยังใช้ทางเดินไปสู่ทางสาธารณะโดยผ่านที่ดินของนายสงวนกับทางเข้าออกที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศตะวันตกผ่านที่ดินของนางวิน หากโจทก์ใช้ทางจำเป็นที่ดินอื่นดังกล่าวแล้วจะสะดวกสบายเช่นเดียวกับใช้เส้นทางผ่านที่ดินของจำเลยและไม่เสียหายมากเท่ากับผ่านที่ดินของจำเลย สำหรับทางจำเป็นของโจทก์นั้นมีขนาดความกว้างเพียง 1 เมตรเท่านั้น เพราะใช้เดินเพียงอย่างเดียว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ระหว่างพิจารณา โจทก์ถึงแก่กรรม นายสมบัติ ศรีกิจโรจน์บุตรของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลฎีกาอนุญาต
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่าที่ดินของโจทก์มีที่ดินแปลงอื่นซึ่งรวมถึงที่ดินของจำเลยแปลงพิพาทล้อมอยู่ แต่มีทางที่โจทก์จะออกไปสู่ทางสาธารณะได้3 ทางตามเอกสารหมาย จ.ล.1 ทางแรกยาว 115 เมตร ทางที่สองยาว140.30 เมตร ทางที่สามยาว 115.50 เมตร โดยอาศัยผ่านที่ดินของผู้อื่น ที่ดินของโจทก์ทางด้านเหนือติดกับที่ดินของจำเลยและที่ดินของจำเลยทางด้านเหนือติดกับทางสาธารณะ โจทก์จะทำทางจากที่ดินของโจทก์ผ่านที่ดินของจำเลยออกไปสู่ทางสาธารณะดังกล่าวมีความยาว 84 เมตร กว้าง 2.50 เมตร ตลอดแนวตามที่ปรากฎในเส้นสีแดงแผนที่พิพาทเอกสารหมาย จ.ล.1 แต่จำเลยไม่ยอม
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า โจทก์มีสิทธิทำทางพิพาทผ่านที่ดินของจำเลยออกไปสู่ทางสาธารณะเพราะเป็นทางจำเป็นได้หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้อยู่แล้วโดยไม่จำต้องผ่านที่ดินของจำเลยและไม่น่าเชื่อว่าโจทก์จะเคยใช้ทางพิพาทซึ่งผ่านที่ดินจำเลยออกสู่ทางสาธารณะ แม้จะได้ความว่าทางพิพาทซึ่งผ่านที่ดินจำเลยยาว 84เมตร ก็ใกล้กว่าทางอื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โจทก์จะถือเหตุเพียงเพื่อความสะดวกของโจทก์เท่านั้นหาได้ไม่โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอทำทางจำเป็นผ่านที่ดินของจำเลยออกไปสู่ทางสาธารณะ
พิพากษายืน

Share