คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1757/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ทำลายสัญญาจำนอง และสัญญายอมความต่อศาลระหว่างจำเลยมูลคดีเป็นเรื่องขอให้ทำลายสัญญาไม่ใช่เรื่องฟ้องเรียกกรรมสิทธิ์จากจำเลย แม้มีข้อเท็จจริงโต้เถียงกันว่า โจทก์กับจำเลยเป็นผัวเมียกันหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัว ฟ้องที่ศาลแขวงได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของเรือนเลขทะเบียนที่ 14 ซึ่งจำเลยที่ 2 ทราบดีว่าเป็นของโจทก์ จำเลยที่ 2 ได้สมคบกับจำเลยที่ 1 จำนองเรือนนี้แก่จำเลยที่ 1 เป็นเงิน5,000 บาท ต่อมาจำเลยที่ 1 ฟ้องบังคับจำนองจำเลยที่ 2 จำเลยทั้ง 2 สมคบกันทำสัญญายอมความต่อศาล ให้จำเลยที่ 2 ใช้เงิน มิฉะนั้นให้ยึดเรือนขายทอดตลาดแล้วจำเลยที่ 1 ได้ยึดเรือนนี้ขายทอดตลาด โจทก์ได้ขัดทรัพย์ไว้แล้ว และขอให้ศาลทำลายสัญญาดังกล่าว

จำเลยที่ 1 ให้การว่า ไม่ทราบว่าเป็นเรือนของโจทก์ โจทก์กับจำเลยที่ 2 เป็นผัวเมียกัน เรือนพิพาทเป็นสินเดิมของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ได้รับจำนองโดยสุจริตมีค่าตอบแทน และยอมความต่อศาลโดยสุจริต

จำเลยที่ 2 มิได้ยื่นคำให้การ

ศาลชั้นต้นสอบคู่ความ โจทก์แถลงว่าจำเลยที่ 2 กับโจทก์ได้เสียกันหลังใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 และไม่ได้จดทะเบียนสมรส เรือนเป็นของโจทก์ จำเลยที่ 2 ว่าเป็นผัวเมียกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงเห็นว่าคดีเกี่ยวกับสิทธิในครอบครัว ซึ่งศาลแขวงไม่มีอำนาจ ให้คืนฟ้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เป็นเรื่องโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์รายพิพาท เป็นคดีมีทุนทรัพย์ 1,000 บาท แม้ไม่เกี่ยวกับสิทธิในครอบครัว ศาลแขวงก็รับไว้พิจารณาไม่ได้ พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เป็นเรื่องที่ฟ้องขอให้ทำลายสัญญาจำนองและสัญญายอมความระหว่างจำเลยทั้ง 2 มูลคดีเป็นเรื่องขอให้ทำลายสัญญาหาใช่เรื่องฟ้องเรียกกรรมสิทธิ์จากเรือนไม่ ในการจำนองกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์ที่จำนอง ก็มิได้ตกไปยังผู้รับจำนอง ที่ว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์นั้นไม่เห็นด้วย จริงอยู่ ที่โต้เถียงกันอยู่ว่าจำเลยที่ 2 กับโจทก์เป็นสามีภริยากันหรือไม่นั้น เห็นว่า ลำพังแต่การที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงเช่นว่านั้น หาใช่เป็นการวินิจฉัยถึงสิทธิในครอบครัวไม่ เพราะมูลคดีพิพาทกันเรื่องขอให้ทำลายสัญญา จึงอยู่ในอำนาจของศาลแขวงพิจารณาพิพากษาได้ พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้ง 2 ให้ศาลแขวงพระนครเหนือรับฟ้องของโจทก์

Share