แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ออกเช็คชำระหนี้ค่าซื้อรถยนต์แก่ ว. โดยมอบเช็คนั้นให้แก่ ฮ.ตัวแทนของว.สิทธิในเช็คย่อมตกแก่ว. แล้วตั้งแต่เวลาที่โจทก์มอบเช็คให้แก่ ฮ. โจทก์หามีสิทธิในเช็คดังกล่าวอีกต่อไปไม่ การที่ ฮ. ทำเช็คตกหาย และมีผู้เก็บได้แล้วเบียดบังเป็นของตนโดยทุจริต โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันครอบครองเช็คของโจทก์ที่สั่งจ่ายมอบให้แก่นายฮั่งใช้ แซ่อึ้ง เพื่อชำระหนี้แก่ผู้มีชื่อแต่นายฮั่งใช้ได้ทำเช็คหายไป ต่อมาจำเลยทั้งสองนำเช็คไปเรียกเก็บเงินได้ ทำให้โจทก์เสียหายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 83 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก 1 เดือน และยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้โดยไม่มีฝ่ายใดโต้เถียงว่าโจทก์ได้ออกเช็คเอกสารหมาย จ.2 และมอบเช็คเอกสารหมายจ.2 ให้นายฮั่งใช้ แซ่อึ้ง พนักงานเก็บเงินของนายวีระวารุบางกูร เพื่อชำระหนี้ค่าซื้อรถยนต์เก่าที่โจทก์ซื้อจากนายวีระ แล้วนายฮั่งใช้ได้ทำเช็คเอกสารหมาย จ.2 ตกหายระหว่างการเดินทางกลับไปหานายวีระ ต่อมาจำเลยที่ 1 และที่ 2นำเช็คเอกสารหมาย จ.2 ไปเข้าบัญชีของจำเลยทั้งสองและธนาคารจ่ายเงินตามเช็คให้แก่จำเลยทั้งสองแล้ว เห็นว่า สิทธิในเช็คเอกสารหมาย จ.2 ย่อมตกแก่นายวีระแล้วตั้งแต่เวลาที่โจทก์มอบให้นายฮั่งใช้ตัวแทนนายวีระ โจทก์หามีสิทธิในเช็คเอกสารหมาย จ.2 อีกต่อไปไม่ แม้จะมีผู้เก็บเช็คเอกสารหมาย จ.2ได้ และเบียดบังเป็นของตนโดยทุจริต โจทก์ก็มิใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์มิใช่ผู้ทรงเช็คเอกสารหมายจ.2 ในขณะเช็คเอกสารหมาย จ.2 หาย มิใช่ผู้เสียหายและพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 มาด้วยนั้นชอบแล้วฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน