แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฝ่ายที่ยึดถือที่ดินมีชื่อในโฉนดตามคำพิพากษาของศาลแล้ว เมื่อมีบุคคลอื่นอ้างว่าที่ดินเป็นของตน ก็เป็นหน้าที่ของบุคคลอื่นนั้นต้องนำสืบก่อน.
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 24/92
ย่อยาว
ได้ความว่า โจทก์เป็นน้องต่างมารดาและเป็นทายาทพระภิกษุบู้ ๆ ตายมีมฤดกคือ ที่นาโฉนดเลขที่ ๔๖๐ ภายหลังพระภิกษุบู้ตาย จำเลยได้ร้องขอต่อศาลว่าได้ซื้อนารายนี้จากพระภิกษุบู้ผู้ครอบครองมากว่า ๒๐ ปี ศาลสั่งถอนชื่อพระภิกษุบู้ ลงชื่อจำเลยในโฉนดแทน โจทก์ฟ้องขอให้ถอนชื่อจำเลย ใส่ชื่อโจทก์ อ้างว่พระภิกษุบู้ให้จำเลยอาศัยทำกิน จำเลยต่อสู้ว่า พระภิกษุบู้ขายให้จำเลย ๒๐๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นเห็นว่า พะยานโจทก์ที่ว่าให้จำเลยอาศัยเลื่อนลอย ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่มีความเห็นแย้งว่าควรให้โจทก์ชนะคดี เพราะจำเลยยังคงรับรองกรรมสิทธิของพระภิกษุบู้ โดยเสียค่านาในชื่อพระภิกษุบู้
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทติดต่อกันมากว่า ๒๐ ปีแล้ว และว่าขณะนี้จำเลยมีชื่อในหน้าโฉนด โดยมีคำพิพากษาของศาลรับรองอยู่ และจำเลยอาจใช้คำพิพากษานี้ยันโจทก์ได้ เว้นแต่โจทก์จะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่า ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา ๑๔๕(๒) ซึ่งเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้ได้ความสมฟ้องว่า การที่จำเลยครอบครองอยู่นี้ เป็นโดยอาศัยพระภิกษุบู้ จึงจะชนะคดี
พิพากษายืน.