คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1746/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยยกปืนที่บรรจุกระสุนซึ่งพร้อมที่จะยิงได้จ้องไปยังผู้เสียหายโดยมีเจตนาที่จะยิง แต่มีผู้ร้องห้ามและเข้ากอดจำเลยไว้ ประกอบกับผู้เสียหายวิ่งหนีเสียทันแม้จะไม่ได้ความชัดว่า ปืนนั้นได้ขึ้นนกแล้วหรือยังหรือนิ้วมือจำเลยแตะอยู่ในไกปืนพร้อมที่จะยิงได้แล้วหรือไม่ จำเลยก็มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ปืนพกบรรจุกระสุนพร้อมที่จะใช้ยิงได้จ้องยิงผู้เสียหาย พร้อมกับพูดสำทับด้วยว่า “มึงตาย” โดยจำเลยมีเจตนาฆ่าแต่กระทำไปไม่ตลอด เพราะมีผู้อื่นมาขัดขวางห้ามปรามประกอบกับผู้เสียหายวิ่งหนีเสียทัน จำเลยจึงฆ่าผู้เสียหายไม่ได้สมดังเจตนา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยอยู่ในขั้นเตรียมการที่จะทำผิดยังไม่ถึงขั้นลงมือกระทำความผิด การเตรียมการเช่นนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 ให้จำคุกจำเลย 10 ปี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยยกปืนที่บรรจุกระสุนซึ่งพร้อมที่จะยิงได้จ้องไปยังผู้เสียหายโดยมีเจตนาที่จะยิง แต่มีอุปสรรคมาขัดขวางโดยมีผู้ร้องห้ามและเข้าไปกอดจำเลยไว้ ประกอบกับผู้เสียหาวิ่งหนีเสียทัน จำเลยจึงยิงผู้เสียหายไม่สำเร็จ ถือว่าเป็นการกระทำไปไม่ตลอด แม้ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบไม่ได้ความชัดว่าปืนที่จำเลยใช้นั้นจะได้ขึ้นนกแล้วหรือยัง หรือนิ้วมือจำเลยแตะอยู่ในไกปืนพร้อมที่จะยิงได้แล้วหรือไม่ จำเลยก็มีความพยายามฆ่าผู้อื่นแล้วหาใช่ขั้นเตรียมการไม่ เพราะการลงมือได้เริ่มต้นแล้วตั้งแต่ยกปืนขึ้นเล็งเพื่อยิงไปยังเป้าหมาย

พิพากษายืน

Share