แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ช่วยดูต้นทางให้เพื่อนทำอนาจาร เป็นผิดฐานผู้สมรู้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2496 เวลากลางวันจำเลยบังอาจสมคบกันใช้อาวุธ ล่อลวงและฉุดคร่านางเลี่ยนซึ่งมิใช่ภริยาจำเลยไปเพื่อการอนาจาร แล้วจำเลยที่ 1 บังอาจกอดปล้ำพยายามข่มขืนกระทำชำเรานางเลี่ยน จำเลยที่ 2 เฝ้าเหตุการณ์เพื่อให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 เหตุเกิดที่ตำบลปากคลอง อำเภอปทิวจังหวัดชุมพร นางเลี่ยนได้ร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานฟ้องจำเลย จึงขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 243, 276 และริบมีดโกนของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำผิดดังโจทก์หา ต้องด้วยกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 243, 276, 60, 63 ให้จำคุกจำเลยคนละ 3 ปี มีดโกนของกลางเป็นของจำเลยที่ 1 แต่ไม่ปรากฏว่าได้ใช้ในการกระทำผิด ให้คืนเจ้าของไป
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานกระทำอนาจาร ต้องด้วยกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 246 ให้จำคุกจำเลยคนละ 6 เดือน นอกจากที่แก้นี้คงเป็นไปตามเดิม
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้อง
ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาคดีนี้ ทางพิจารณาได้ความว่า นางเลี่ยนผู้เสียหายเป็นภริยานายจำลอง เมื่อวันโจทก์หาผู้เสียหายได้ไปเยี่ยมนางจ่างมารดาซึ่งอยู่ต่างตำบล เพราะวันนั้นมีงานสนุกที่บ้านนางจ่าง เวลาประมาณ 15.00 นาฬิกา จำเลยทั้งสองซึ่งรู้จักกับผู้เสียหายมาก่อนได้ไปบอกผู้เสียหายว่า นายจำลองสามีให้ผู้เสียหายกลับบ้านพร้อมกับจำเลยในวันนี้ ผู้เสียหายเชื่อจึงไปกับจำเลยโดยดี ซึ่งน่าจะเป็นความจริง เพราะโจทก์มิได้อ้างนายจำลองสามีผู้เสียหายมาสืบให้เห็นว่า ความจริงไม่ได้ใช้ให้จำเลยไปรับผู้เสียหาย ฉะนั้น จะหาว่าจำเลยสมคบกันใช้อาวุธล่อลวงและฉุดคร่าผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารจึงฟังไม่ขึ้น เมื่อผู้เสียหายเดินทางไปกับจำเลยประมาณครึ่งชั่วโมง ผู้เสียหายว่าจำเลยที่ 1ผู้เดียวได้กอดบั้นเอวผู้เสียหายและพูดว่า วันนี้ขอกอดสักที ผู้เสียหายร้องจำเลยที่ 1 ผลักผู้เสียหายล้มและปลดกระดุมกางเกงขึ้นคร่อมหน้าอกผู้เสียหาย ๆ ร้อง จำเลยที่ 1 บีบคอจนร้องไม่ออก จำเลยที่ 2 ไปยืนดูต้นทางห่าง 3 วา แล้วจำเลยที่ 2 ร้องว่า คนมา จำเลยทั้งสองก็หนีไป ผู้เสียหายได้เล่าเรื่องให้นายเล็กกับพวกฟังและไปแจ้งความแก่นายน้อยผู้ใหญ่บ้านว่า จำเลยทั้งสองปลุกปล้ำมิได้พูดถึงเรื่องข่มขืนกระทำชำเราเลย จึงเชื่อข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 เพียงแต่ได้กระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายตามความเห็นศาลอุทธรณ์เท่านั้น รูปคดียังไม่ถึงพยายามข่มขืนกระทำชำเราดังฎีกาโจทก์ส่วนจำเลยที่ 2 เพียงช่วยดูต้นทางให้จำเลยที่ 1 อันเป็นการอุปการะแก่จำเลยที่ 1 ในการกระทำความผิด จึงมีความผิดเพียงฐานผู้สมรู้ในความผิดฐานกระทำอนาจารเท่านั้น ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 246 ประกอบด้วยมาตรา 65 ให้จำคุกจำเลยที่ 2 เพียง 4 เดือน นอกจากนี้คงเดิม