แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีเรื่องปลอมหนังสือปัญหาว่า จำเลยได้ร้องขอให้เจ้าพนักงานจดข้อความนั้นจะเท่ากับจำเลยบอกให้เจ้าพนักงานจดตามที่ตนร้องขอหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ในคดีหมิ่นประมาท เมื่อศาลฟังว่า จำเลยมิได้มีเจตนาใส่ความให้คนดูหมิ่นเกลียดชังแล้ว ปัญหาว่าข้อความนั้นจะเป็นหมิ่นประมาทหรือไม่ ก็ไม่จำต้องวินิจฉัย
ย่อยาว
ข้อเท็จจริงได้ความจากการไต่สวนมูลฟ้องว่า เดิมโจทก์เป็นเจ้าของห้องเช่าเลขที่ ๑๑๘ ถนนบริพัตร์ และได้แจ้งทะเบียนสำมะโนครัวเป็นเจ้าบ้าน ต่อมาทางราชการส่งตัวโจทก์ไปอบรมจิตต์ใจที่เกาะสีชัง โจทก์ไม่ได้แจ้งทะเบียนบ้าน แต่ให้นางชมดูแลบ้านแทน นางชมได้ให้จำเลยซึ่งเป็นญาติเข้าอยู่และเปิดร้านค้าจำเลยได้ไปแจ้งความต่อนายทะเบียนท้องถิ่นว่า ห้องที่ว่างโดยเจ้าของเดิมต้องโทษมานานแล้ว จำเลยขอย้ายเข้าอยู่ในฐานะเป็นเจ้าบ้านแทน พนักงานเทศบาลได้บันทึกข้อความนั้นลงไว้ในใบแจ้งย้าย โจทก์ทราบจึงฟ้องคดีนี้ หาว่าจำเลยแจ้งความเท็จ ปลอมหนังสือ และหมิ่นประมาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นให้ประทับฟ้องของโจทก์ฉะเพาะข้อหาฐานแจ้งความเท็จ
โจทก์ฎีกาขอให้ประทับฟ้องของโจทก์ในข้อที่ถูกยก โดยอ้างว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า ในข้อหาฐานปลอมหนังสือ ซึ่งโจทก์ฎีกาว่าการที่จำเลยไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานนั้น แม้จำเลยจะไม่ได้ร้องขอให้เจ้าพนักงานจดก็ต้องถือว่า จำเลยบอกให้เจ้าพนักงานจดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๓๒๖ นั้น เห็นว่า คำคัดค้านของโจทก์นี้เป็นการเถียงข้อเท็จจริงนั้นเอง คือว่าจำเลยได้บอกให้เจ้าพนักงานจดหรือไม่ หาใช่เป็นปัญหาข้อกฎหมายไม่ ส่วนข้อหาฐานหมิ่นประมาท โจทก์ว่า โจทก์เป็นแต่เพียงถูกส่งตัวไปกักกันเท่านั้นไม่ใช่โทษข้อนี้ ศาลล่างฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่มีเจตนาใส่ความโจทก์ ให้คนทั้งหลายดูหมิ่นหรือเกลียดชังแล้ว ข้อหาของโจทก์ ก็ตกไปโดยไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวแล้ว ศาลฎีกาคงพิพากษายืนให้ยกฎีกาโจทก์