แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามแบบพิมพ์คำให้การของ จ.พยานโจทก์ว่า พยานได้สาบานตัวแล้ว จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านในขณะที่พยานเบิกความว่า พยานไม่ได้สาบานตัวเพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา กรณี จึงต้องฟังว่าพยานได้สาบานตัวก่อนเข้าเบิกความแล้ว
ศาลชั้นต้นมิได้บันทึกไว้ในคำให้การพยานว่า ล่ามได้สาบานตนแล้วทั้งล่ามก็มิได้ลงลายมือชื่อในคำแปลนั้น อันเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 13 เมื่อพยานดังกล่าวเป็นพยานสำคัญที่สุดในคดีเพียงปากเดียว ศาลฎีกาจึงย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 ประกอบด้วยมาตรา 225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายประวิทย์ โดยเจตนาฆ่าและนายประวิทย์ถึงแก่ความตายสมเจตนาของจำเลย ขอให้ลงโทษประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ ให้ลงโทษจำคุก ๑๕ ปี ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ปรากฏตามแบบพิมพ์คำให้การของนางสาวจ๊ะลงวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๒๕ ว่าพยานได้สาบานตัวแล้ว จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านไว้ในชั้นพยานเบิกความว่าพยานไม่ได้สาบานตัว เพิ่งยกขึ้นมากล่าวอ้างในชั้นฎีกาให้ผิดไปจากข้อความในคำให้การ ต้องฟังว่าพยานได้สาบานตัวก่อนเข้าเบิกความแล้ว ส่วนที่ฎีกาว่านายส้านและนายนิรันดร์ล่ามไม่ได้สาบานตัวก่อนนั้นได้ตรวจสำนวนและโดยเฉพาะในคำเบิกความของนางสาวจ๊ะแล้วไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้บันทึกไว้เลยว่าได้ให้บุคคลทั้งสองซึ่งทำหน้าที่ล่ามได้สาบานตนว่าจะแปลถ้อยคำของพยานโดยถูกต้องทำหน้าที่โดยสุจริตใจ ไม่เพิ่มเติมหรือตัดทอนสิ่งที่แปล ทั้งบุคคลทั้งสองก็ไม่ได้ลงลายมือชื่อในคำแปลนั้น อันเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๓ และเนื่องจากตามท้องเรื่องนางสาวจ๊ะเป็นพยานสำคัญที่สุดในคดีเพียงปากเดียว ศาลฎีกาจึงเห็นเป็นการจำเป็นเนื่องจากศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ชอบที่จะให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๐๘ ประกอบด้วยมาตรา ๒๒๕ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วนและในชั้นนี้ยังไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานปากนางสาวจ๊ะ แซ่คำ ใหม่ โดยให้ล่ามปฏิบัติให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๓ แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี