คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยนำสร้อยคอทองคำของกลาง 6 เส้น มีน้ำหนักถึง317.5189 กรัมราคา 113,921.55 บาท ใส่ในกระเป๋าเสื้อนอกด้านในเพื่อนำออกนอกราชอาณาจักรทั้งที่จำเลยมีสร้อยคอทองคำสวมอยู่ที่คอแล้วเส้นหนึ่งสร้อยคอของกลางจึงมิใช่เป็นของใช้ส่วนตัวและตามสมควรแก่ฐานานุรูปตามความหมายของประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2514

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งกำลังจะเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปยังเกาะฮ่องกง ได้นำสร้อยคอทองคำอันเป็นของต้องจำกัดจำนวน 6 เส้น รวมน้ำหนัก 317,5189 กรัม ราคา113,921.55 บาท ติดตัวไปเพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยลงมือกระทำความผิดแล้วแต่กระทำไปไม่ตลอด เพราะพนักงานศุลกากรตรวจค้นพบสร้อยดังกล่าวเสียก่อน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 5, 7, 16,0, 24 พระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 8)พ.ศ. 2485 มาตรา 4, 5 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ฯลฯ ริบของกลางและจ่ายรางวัล
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 5(2), 7 วรรคหนึ่ง, 16, 20 วรรคหนึ่ง, 24 พระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2485 มาตรา 4, 5 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ฯลฯ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 มาตรา 20 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ปรับเป็นเงิน 379,738.50 บาท ริบของกลาง จ่ายเงินรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมาตรา 20 วรรคสาม เป็นจำนวนร้อยละสามสิบของจำนวนเงินสุทธิค่าขายของกลางที่ศาลสั่งให้ริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากาาากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยพยายามนำสร้อยคอทองคำ 6 เส้นของกลางออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่แจ้งให้พนักงานศุลกากรทราบ และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าสร้อยคอของกลางน้ำหนักถึง 317,5189 กรัม และราคา 113,921.55 บาท ทั้งจำเลยยังมีสร้อยคอทองคำสวมอยู่ที่คอแล้วเส้นหนึ่ง สร้อยคอของกลางจึงมิใช่ของใช้ส่วนตัวและตามสมควรแก่ฐานานุรูป การส่งออกไปนอกราชอาณาจักรต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่จำเลยมิได้รับอนุญาตจากผู้มีอำนาจดังกล่าวประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยเก็บสร้อยคอของกลางไว้ในกระเป๋าเสื้อนอกด้านในข้างซ้ายและขวาข้างละ 3 เส้นเมื่อพนักงานศุลกากรสอบถามว่ามีสิ่งของผิดกฎหมายหรือของมีค่าติดตัวไปด้วยหรือไม่จำเลยตอบว่าไม่มีจนพนักงานศุลกากรต้องนำจำเลยเข้าไปตรวจค้นในห้องจึงพบสร้อยคอของกลางนั้น ถือได้ว่าจำเลยพยายามนำทองซึ่งเป็นของต้องจำกัดออกนอกราชอาณาจักรโดยมิได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมาย และเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัด จำเลยจึงต้องมีความผิด
พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 5, 7, 16, 20, 24 พระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 8)พ.ศ. 2485 มาตรา 4, 5 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ฯลฯประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ซึ่งถ้าจะปรับต้องปรับเป็นเงินสี่เท่าราคาของเป็นจำนวนเงิน 455,686.20 บาท แต่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจะปรับจำเลยเกินคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ได้เพราะเป็นการเกินคำขอ จึงให้ปรับจำเลยเป็นเงิน 379,738.50 บาท หากไม่ชำระค่าปรบให้กักขังแทนค่าปรับมีกำหนด 2 ปี ริบของกลาง กับจ่ายรางวัลให้แก่พนักงานเจ้าหน้าี่ซึ่งจับกุมผู้ทำผิดร้อยละยี่สิบของราคาของกลางหรือค่าปรับ ตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด

Share