แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สามีโจทก์กับสามีจำเลยร่วมทุนกันจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญโดยไม่จดทะเบียนสามีโจทก์ตาย โจทก์รับมรดกและเข้าสวมสิทธิเป็นหุ้นส่วนแทนโดยความยินยอม ของสามีจำเลย ห้างหุ้นส่วนจึงยังไม่เลิกต่อมาสามีจำเลยตาย จำเลยเป็นผู้รับมรดกกลับปฏิเสธว่าสามีโจทก์มิได้เป็นหุ้นส่วนกับสามีจำเลย ดังนี้ ห้างหุ้นส่วนนั้นย่อมเลิกจากกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1055(5)
เมื่อห้างหุ้นส่วนเลิกกันแล้วก็จะต้องจัดการชำระบัญชี เว้นแต่จะได้ตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินโดยวิธีอื่นในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันแม้จำเลยจะเข้าดำเนินการของห้างหุ้นส่วนจำเลยก็มิได้เป็นหุ้นส่วนกับโจทก์โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยแสดงบัญชีรายรับรายจ่าย
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายโดยมิได้ฟ้องขอให้ชำระบัญชี ศาลจะพิพากษาให้ชำระบัญชีไม่ได้เพราะเกินคำขอ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายพวยสูง แซ่เฮ้ง สามีโจทก์เข้าหุ้นส่วนกับนายเปงชุน แซ่แต้สามีจำเลยประกอบการรับขนส่งทางน้ำโดยมิได้จดทะเบียนหุ้นส่วน โดยนำเรือบรรทุกหมายเลข 104870 เข้าร่วมในกิจการของบริษัทสหขนส่งทางน้ำ จำกัด ต่อมานายพวยสูงตาย โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลและได้ร่วมเป็นหุ้นส่วนกับนายเปงชุนโดยนายเปงชุนเป็นผู้จัดการ ต่อมานายเปงชุนตาย จำเลยรับมรดกของนายเปงชุน รวมทั้งดำเนินกิจการหุ้นส่วนดังกล่าว แต่ไม่ยอมแสดงบัญชีและแบ่งผลกำไรขอให้บังคับจำเลยแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายพร้อมทั้งใบสำคัญการรับจ่ายของกิจการหุ้นส่วน
จำเลยต่อสู้ว่าเรือที่โจทก์ฟ้องเป็นของนายเปงชุนแต่ผู้เดียว โจทก์และนายพวยสูงมิได้เป็นหุ้นส่วน จำเลยมิได้เป็นภริยานายเปงชุนและสัญญาเข้าหุ้นส่วนระงับแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง นายพวยสูงกับนายเปงชุนเข้าหุ้นส่วนกัน เมื่อนายพวยสูงตายโจทก์เข้าเป็นหุ้นส่วนแทน บัดนี้ นายเปงชุนตาย จำเลยเป็นผู้รับมรดกและเข้าดำเนินกิจการแทนนายเปงชุนต่อไป โจทก์จำเลยไม่ได้แสดงเจตนาเลิกสัญญา โจทก์ใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1037 ไต่ถามถึงการงานของห้างหุ้นส่วนที่จัดอยู่นั้นได้ พิพากษาให้จำเลยแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายพร้อมทั้งใบสำคัญการรับจ่ายของกิจการหุ้นส่วนขนส่งทางน้ำโดยเรือบรรทุกหมายเลข 104870
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายพวยสูงสามีโจทก์และนายเปงชุนสามีจำเลยร่วมทุนกันจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญดำเนินกิจการนำเรือฉลอมพิพาทเข้าร่วมในกิจการของบริษัทสหขนส่งทางน้ำ จำกัด เพื่อหากำไรแบ่งปันกันคนละครึ่ง โดยนายพวยสูงออกเงินให้นายเปงชุน 35,000 บาท แต่มิได้จดทะเบียนห้างหุ้นส่วนปี 2499 นายพวยสูงตาย โจทก์เป็นผู้รับมรดก และเข้าสวมสิทธิในหุ้นส่วน นายเปงชุนก็ยอมรับ โดยถือปฏิบัติแบ่งปันผลกำไรให้โจทก์สืบแทน ห้างหุ้นส่วนยังคงค้าต่อไปตามเดิม
ต่อมาปี 2507 นายเปงชุนตาย จำเลยเป็นผู้รับมรดก และปฏิเสธว่านายพวยสูงมิได้เป็นหุ้นส่วนกับนายเปงชุน ดังนี้ ห้างหุ้นส่วนสามัญนั้นย่อมเลิกกันด้วยเหตุตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1055(5)
เมื่อห้างหุ้นส่วนเลิกกันแล้ว ให้จัดการชำระบัญชี เว้นแต่จะได้ตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินโดยวิธีอื่นในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1061
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยแสดงบัญชีรายรับรายจ่าย แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าห้างหุ้นส่วนเลิกกันแล้ว ศาลฎีกาจึงเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และคดีนี้โจทก์มิได้ฟ้องขอให้ชำระบัญชี ศาลจะพิพากษาให้ชำระบัญชีก็ไม่ได้ เป็นการเกินคำขอ
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์