แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยรับประกันภัยรถยนต์ของโจทก์ไว้ โดยมีข้อสัญญาต่อกันว่าให้โจทก์เปลี่ยนรถคันใหม่เข้าประกันแทนรถคันเดิมได้แต่การโอนนี้จะมีผลเมื่อใดไม่มีข้อตกลงไว้แน่ชัด โจทก์มีหนังสือแจ้งไปยังจำเลยขอโอนกรมธรรม์ไปคุ้มครองรถคันใหม่ ระหว่างที่ยังไม่ได้รับคำตอบจากจำเลย คนขับรถของโจทก์ขับรถคันเดิมชนราวสะพานได้รับความเสียหาย หลังจากนั้นโจทก์จึงได้รับหนังสือสนองตอบจากจำเลยว่าได้สลักหลังกรมธรรม์และลงนามไว้เป็นสำคัญณ วันที่ตอบสนอง เห็นได้ว่าจำเลยมิได้ถือว่าการขอโอนกรมธรรม์มีผลก่อนวันที่ระบุไว้ในหนังสือตอบสนอง หรือตั้งแต่วันที่โจทก์มีหนังสือขอโอน การแสดงเจตนายอมรับการโอนการคุ้มครองรถย่อมมีผลเมื่อโจทก์ได้รับหนังสือสนองตอบของจำเลยอันเป็นเวลาหลังจากเกิดเหตุแล้ว จำเลยจึงไม่พ้นความรับผิด เพราะวินาศภัยที่เกิดขึ้นแก่รถคันที่เกิดเหตุ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลข ก.ท.ย.0337ของโจทก์เป็นเงิน 80,000 บาท กำหนดเวลา 1 ปี เป็นการประกันแบบคุ้มครองถึงบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหายจากรถยนต์คันที่เอาประกันด้วย วันที่ 24 ตุลาคม 2511 ซึ่งอยู่ในอายุการประกัน รถยนต์คันดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุชนราวสะพานได้รับความเสียหาย 31,050 บาท ราวสะพานเสียหาย 5,266.56 บาท และมีผู้รับบาดเจ็บต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 2,246.40 บาท จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถ ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยเคยรับประกันภัยรถคันพิพาทจริง แต่ต่อมากลางเดือนตุลาคม 2511 โจทก์จำเลยตกลงยกเลิกการคุ้มครองรถคันพิพาทให้โอนกรมธรรม์ไปคุ้มครองรถยนต์คันอื่น ขณะรถคันพิพาทเกิดอุบัติเหตุเป็นเวลาภายหลังตกลงยกเลิกการคุ้มครองแล้ว จำเลยไม่ต้องรับผิด และลูกจ้างโจทก์ขับรถด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ค่าเสียหายในการซ่อมรถไม่เกิน 9,000 บาท ค่าเสียหายนอกจากนี้โจทก์ไม่ได้จ่ายไปจริง และมีจำนวนไม่ถึงเท่าที่ฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 38,562.96 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก.ท.ย.0337เป็นของบริษัทโจทก์ได้เอาประกันภัยไว้กับบริษัทจำเลย เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2511 รถคันนี้ได้ชนราวสะพานได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนเกิดเหตุคือวันที่ 16 ตุลาคม 2511 โจทก์ได้มีหนังสือแจ้งไปยังจำเลยขอโอนกรมธรรม์ไปคุ้มครองรถคันใหม่ และยังไม่ได้รับตอบจากจำเลยก็เกิดเหตุเสียก่อน โจทก์ได้รับหนังสือลงวันที่ 24 ตุลาคม 2511 ตอบตกลงโอนกรมธรรม์ไปคุ้มครองรถคันใหม่ภายหลังเกิดเหตุแล้วโดยโจทก์จำเลยมีสัญญาต่อกันอยู่ก่อนแล้วว่า ยอมให้โจทก์เปลี่ยนรถคันใหม่เข้าประกันแทนรถคันเดิมในระหว่างอายุสัญญาประกันได้ ส่วนการโอนการคุ้มครองรถยนต์จากคันเดิมไปคุ้มครองคันใหม่จะมีผลเมื่อใดไม่มีข้อตกลงกันไว้แน่ชัด กลับได้ความว่าเมื่อโจทก์มีหนังสือขอโอนการคุ้มครองรถจากคันหนึ่งไปคุ้มครองอีกคันหนึ่ง จำเลยได้มีหนังสือสนองตอบโดยแสดงไว้ในหนังสือสนองตอบว่าได้สลักหลังกรมธรรม์และลงนามไว้เป็นสำคัญ ซึ่งเห็นได้ว่าบริษัทจำเลยมิได้ถือว่าการขอโอนกรมธรรม์มีผลก่อนวันที่ 24 ตุลาคม 2511 หรือตั้งแต่วันที่โจทก์มีหนังสือขอโอน กรณีต้องถือว่าการแสดงเจตนายอมรับการโอนกรคุาุมครองรถมีผลเมื่อโจทก์ได้รับหนังสือสนองตอบของจำเลย อันเป็นเวลาภายหลังเกิดเหตุแล้ว จำเลยจึงไม่พ้นความรับผิดเพราะวินาศภัยที่เกิดขึ้นกับรถคันที่เกิดเหตุนั้น
พิพากษายืน