คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2532

แหล่งที่มา : 11

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องคดีโดยแนบสำเนาภาพถ่ายเช็คพิพาทกับใบคืนเช็คมาท้ายฟ้อง จำเลยให้การและนำสืบยอมรับว่าจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทตามฟ้อง ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามคำรับของจำเลยอยู่แล้วว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทและธนาคารได้ปฏเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ดังนี้ แม้โจทก์ไม่ได้เสียค่าอ้างเอกสาร เช็คและใบคืนเช็คพิพาทศาลก็พิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทแก่โจทก์ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คจำนวน 33,295 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกเพื่อชำระหนี้อันเกิดจากการเล่นการพนันโจทก์จึงฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…โจทก์อ้างเอกสารคือเช็คพิพาทและใบคืนเช็คเป็นพยานโดยไม่ได้เสียค่าอ้างเอกสาร จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้นั้น เห็นว่า ในการฟ้องคดีนี้โจทก์ได้แนบสำเนาภาพถ่ายเช็คพิพาทกับใบคืนเช็คมาท้ายฟ้องทั้งตามคำให้การของจำเลยและทางนำสืบ จำเลยก็ยอมรับว่าจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทตามฟ้อง และไม่ได้ให้การปฏิเสธว่าธนาคารมิได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท ฉะนั้นกรณีจึงไม่จำต้องหยิบยกเอกสารที่โจทก์ไม่ได้เสียค่าอ้างขึ้นวินิจฉัย ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามคำรับของจำเลยอยู่แล้วว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทและธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทแก่โจทก์ได้…’
พิพากษายืน.

Share