คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ชี้ชวนให้ผู้มีชื่อมาซื้อหุ้นของธนาคาร ก. และบุคคลเหล่านี้ได้ซื้อหุ้นดังกล่าวตามที่โจทก์ชี้ชวน โดยโจทก์ได้รับค่าธรรมเนียมเป็นบำเหน็จการชี้ชวนเป็นเงินจำนวนหนึ่ง โจทก์จึงเป็นนายหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 845 และถือได้ว่าเป็นผู้ประกอบการค้า มีหน้าที่เสียภาษีการค้าและจดทะเบียนการค้า บทบัญญัติมาตรา 89 และ 89 ทวิ เป็นบทบังคับที่ไม่ต้องพิจารณาว่าผู้ประกอบการค้ามีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีการค้าหรือไม่ โจทก์ไม่ชำระภาษีการค้าภายในกำหนดเวลา โจทก์ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามประมวลรัษฎากร มาตรา 89 และ 89 ทวิ

ย่อยาว

โจทก์ทั้งยี่สิบสี่สำนวนฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 4 ได้ประเมินภาษีโจทก์แต่ละคนเสียภาษีการค้า เบี้ยปรับเงินเพิ่มและภาษีรายได้บำรุงเทศบาล โดยเจ้าพนักงานประเมินได้ให้เหตุผลแห่งการประเมินว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบการค้า ประกอบการค้าประเภทการค้า 10 นายหน้าและตัวแทน แห่งบัญชีอัตราภาษีการค้าของประมวลรัษฎากรมีหน้าที่จดทะเบียนการค้าตามมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร แต่โจทก์มิได้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนการค้า และประกอบการค้าโดยไม่มีทะเบียนการค้า จะต้องชำระภาษีการค้าพร้อมทั้งเบี้ยปรับ 2 เท่า ตามมาตรา 89(1) และจะต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ1.5 ต่อเดือนตาม มาตรา 89 ทวิแห่งประมวลรัษฎากร โจทก์อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์แล้ว คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ซึ่งประกอบด้วยจำเลยทั้งสามวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์โจทก์โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าว โจทก์มิได้ประกอบกิจการค้าประเภทนายหน้าหรือตัวแทนตามประมวลรัษฎากร แต่เป็นกรณีชี้ชวนให้บุคคลมาถือหุ้นในธนาคารกสิกรไทย จำกัด และโจทก์กระทำการดังกล่าวเพียงครั้งเดียวมิได้ประกอบเป็นธุรกิจการค้า โจทก์มิได้มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีจึงไม่ต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มและเบี้ยปรับ ขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าว จำเลยทั้งสี่ทุกสำนวนให้การว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกและคำสั่งของเจ้าพนักงานตามประมวลรัษฎากร มาตรา 32 โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ตามมาตรา 33 การกระทำของโจทก์เข้าลักษณะเป็นตัวแทนนายหน้า และเป็นการค้า โจทก์มีหน้าที่ต้องจดทะเบียนการค้าและเสียภาษีการค้าประเภทการค้า 10 เมื่อโจทก์ไม่ได้จดทะเบียนการค้าจึงต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามประมวลรัษฎากร มาตรา 89, 89 ทวิ และต้องเสียภาษีบำรุงเทศบาลสุขาภิบาล และจังหวัดด้วย ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งยี่สิบสี่สำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์ทั้งยี่สิบสี่คนไม่มีวันที่เริ่มประกอบการค้าที่จะเป็นฐานนับเวลากำหนดไปยื่นขอจดทะเบียนประกอบการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 80 วรรคหนึ่งแต่อย่างใด และโจทก์ไม่มีสถานประกอบการค้า โจทก์ทั้งยี่สิบสี่คนจึงไม่มีหน้าที่ต้องไปจดทะเบียนการค้านั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าที่โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์ไม่มีวันที่เริ่มประกอบการค้านั้น โจทก์มิได้กล่าวอ้างเหตุนี้มาในคำฟ้องของโจทก์เลย จึงไม่รับวินิจฉัยให้ ส่วนที่โจทก์อ้างว่า โจทก์ไม่มีสถานประกอบการค้านั้น ประมวลรัษฎากรมาตรา 77 บัญญัติว่า “สถานการค้า” หมายความว่าสถานที่ซึ่งผู้ประกอบการค้าใช้ประกอบการค้าเป็นประจำ และให้หมายความรวมถึงสถานที่ซึ่งใช้เป็นที่ทำการผลิตหรือเก็บสินค้าเป็นประจำด้วย
ในกรณีผู้ประกอบการค้าไม่มีสถานการค้าตามวรรคก่อนให้ถือว่าที่อยู่อาศัยของผู้ประกอบการค้านั้นเป็นสถานการค้า ถ้าผู้ประกอบการค้ามีที่อยู่อาศัยหลายแห่งให้ผู้ประกอบการค้าเลือกเอาที่อยู่อาศัยแห่งหนึ่งเป็นสถานการค้า
เมื่อเป็นดังนี้ข้ออ้างของโจทก์ดังกล่าวจึงฟังไม่ขึ้นเพราะอย่างน้อยโจทก์ทุกคนต้องมีที่อยู่อาศัย โจทก์ทุกคนจะอ้างว่าตนไม่มีสถานการค้าหาได้ไม่
ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์ทั้งยี่สิบสี่คนมิได้ประกอบการเป็นธุรกิจการค้าแต่อย่างใด แต่การกระทำของโจทก์ทั้งยี่สิบสี่คนเป็นการกระทำเพียงครั้งเดียว และการกระทำของโจทก์เป็นลักษณะชี้ชวนให้คนมาลงทุนถือหุ้นในธนาคารเท่านั้น จึงไม่เข้าข่ายเป็นตัวแทนนายหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 797 และ845 ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์จะประกอบการค้าเพียงครั้งเดียวหรือหลายครั้ง ก็ได้ชื่อว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าเช่นเดียวกัน โจทก์ได้ชี้ชวนให้ผู้มีชื่อมาซื้อหุ้นของธนาคารกสิกรไทยจำกัด และบุคคลเหล่านี้ก็ได้ซื้อหุ้นดังกล่าวตามที่โจทก์ชี้ชวน โดยโจทก์ได้รับค่าธรรมเนียมจากการชี้ชวนนี้เป็นเงินจำนวนหนึ่งค่าธรรมเนียมดังกล่าวก็คือบำเหน็จอย่างหนึ่งนั่นเอง โจทก์ทั้งยี่สิบสี่คนจึงเป็นนายหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 845อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ที่โจทก์อุทธรณ์อีกข้อหนึ่งว่า โจทก์ได้ชำระภาษีเงินได้ถูกต้องตามกฎหมายแล้วไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี โจทก์จึงไม่สมควรต้องเสียเงินเพิ่มและเบี้ยปรับนั้น เห็นว่า แม้โจทก์จะไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีการค้าเมื่อโจทก์ไม่ชำระภาษีการค้าภายในกำหนดเวลา โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามประมวลรัษฎากร มาตรา 89และ 89 ทวิ เพราะบทบัญญัติมาตรา 89 และ 89 ทวิ นี้เป็นบทบังคับที่ไม่ต้องพิจารณาว่าผู้ประกอบการค้ามีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีการค้าหรือไม่ อุทธรณ์โจทก์ทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share