แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การโดยการยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่นั้นไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับคำให้การเดิมหรือไม่ ก็ไม่สำคัญ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 5162 จำเลยมีที่ดินโฉนดที่ 938 อยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ทางตะวันออก จำเลยได้ยื่นคำร้องขอรังวัดสอบเขตที่ดินโฉนดที่ 938 โจทก์มอบให้ผู้แทนไประวังแนวเขตต่อมาโจทก์สงสัยแนวเขตที่ผู้แทนไปรับรองไว้ จึงได้ยื่นคำร้องขอถอนการรับรองแนวเขตนั้น แล้วโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอสอบเขตที่ดินของโจทก์ ผู้แทนจำเลยกับคุณหญิงเนื่องบุรีนวราช ได้ให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่าถ้าหากที่จำเลยนำชี้ให้ปักหลักรุกล้ำที่ดินของโจทก์แล้ว ยินดีจะแก้ไขแผนที่และจำนวนเนื้อที่ให้ถูกต้องครั้นเจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดผู้แทนจำเลยไม่เซ็นรับรองแนวเขต อ้างว่าแนวเขตที่ดินของจำเลยอยู่ล้ำเข้าไปในแนวเขตที่ฝ่ายโจทก์นำชี้ แล้วต่อมาจำเลยได้ยื่นคำร้องคัดค้านการนำชี้ของฝ่ายโจทก์ การรังวัดจึงชงักลง ที่ฝ่ายจำเลยไม่รับรองแนวเขตที่โจทก์นำชี้ แต่กลับนำชี้ล้ำเข้าไปในเขตที่ของโจทก์นั้น ปรากฏว่าได้รุกล้ำเข้าไปในเขตที่ดินของโจทก์เป็นเนื้อที่ประมาณ 102 ตารางวา ขอให้บังคับให้จำเลยยอมให้เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดสอบเขตต่อไป เมื่อรังวัดให้ปักหลักหรือชี้เขตอันถูกต้องให้โจทก์จำเลยรับรอง ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องในที่ดินที่จำเลยรุกล้ำ
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ และต่อมาโจทก์ถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 ให้การว่าที่ดินของโจทก์กับจำเลยมีลำรางคั่นอยู่เป็นแนวเขตแต่โจทก์ขุดดินถมลำรางฝั่งโจทก์รุกล้ำเรื่อยมา ที่โจทก์ว่าการรังวัดสอบเขตต้องชะงักลงเพราะจำเลยหรือผู้แทนได้ร้องคัดค้านนั้น ฟ้องโจทก์ไม่บรรยายให้ชัดว่าฝ่ายจำเลยคัดค้านว่าอย่างไรและการรังวัดชะงักเพราะเหตุใด จึงเป็นฟ้องที่เคลือบคลุม จำเลยหรือผู้แทนไม่เคยนำชี้เขตรุกล้ำเข้าไปในเขตที่ดินของโจทก์ดังฟ้อง จำเลยนำชี้ตามความจริงทุกคราว แต่ฝ่ายโจทก์พยายามชี้เขตรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของจำเลยโดยไม่คำนึงถึงแนวเขตที่แท้จริง และโจทก์พยายามรื้อฟื้นการรังวัดอีกโดยไม่มีเหตุผลเพราะต้องการจะได้ที่ดินตรงบริเวณแนวเขต
ก่อนชี้สองสถาน คู่ความตกลงกันให้เจ้าพนักงานที่ดินทำแผนที่พิพาทเมื่อทำมาแล้วคู่ความรับรองว่าถูกต้อง แต่ก่อนวันนัดดูแผนที่ จำเลยที่ 2 ขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การ 2 แห่ง คือ
(ก) ตอนที่ว่าที่ดินของโจทก์จำเลยมีลำรางคั่นอยู่เป็นแนวเขตนั้น ขอแก้เป็นมีคันนาเป็นแนวยาวและบางตอนมีลำรางคั่นอยู่เป็นแนวเขต
(ข) ต่อจากความที่ว่า จำเลยนำชี้ตามความจริงทุกคราวนั้นขอเพิ่มเติมว่า ส่วนมากจำเลยนำชี้ตามแนวคันนาอันเป็นแนวเขตซึ่งฝ่ายจำเลยได้ครอบครองมาเป็นเวลาช้านาน ซึ่งรวมทั้งบริเวณที่ดินที่พิพาทที่โจทก์ฟ้อง ฝ่ายจำเลยก็ได้ครอบครองต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ครั้งเจ้าของเดิมด้วยความสงบ เปิดเผยและอย่างเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว จำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์โดยอายุความตามกฎหมาย โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง
โจทก์คัดค้านว่า เดิมจำเลยต่อสู้ว่าที่ดินอยู่ในโฉนดของจำเลย ครั้นรังวัดแล้วปรากฏว่าที่ดินที่โจทก์ฟ้องอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ จำเลยกลับจะมาเปลี่ยนรูปว่าได้ครอบครองมา ซึ่งเป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวเนื่องกันจะขอแก้ไขเพิ่มเติมเช่นนี้ไม่ได้
วันชี้สองสถาน ศาลสอบจำเลย จำเลยแถลงจะขอสืบว่าได้ครอบครองปรปักษ์ตามที่ขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การ ศาลเห็นว่าจำเลยยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่ ไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้ออ้างเดิม จึงไม่อนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การ แล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยเพิ่มเติมคำให้การ แล้วให้สืบพยานโจทก์จำเลยไปตามประเด็นแห่งคดีแล้วพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การ 2 ตอน การแก้ไขเพิ่มเติมตอนต้นเป็นการขยายความเดิมให้ชัดขึ้น ส่วนตอนหลังนั้นเป็นการยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับคำให้การเดิมหรือไม่นั้น ไม่สำคัญเพราะไม่เหมือนกับการขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง ซึ่งจะต้องเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 วรรคท้าย จำเลยจึงมีสิทธิขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การได้ ตามมาตรา 179(3)
พิพากษายืน