คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์มีเอกสารสัญญากู้เป็นหลักฐานปรากฏชัดเจนในจำนวนเงินที่กู้ (เกินกว่า 50 บาท) และระบุว่าได้รับเงินไปครบถ้วนถูกต้องแล้ว เมื่อจำเลยมิได้ต่อสู้ว่าสัญญากู้นี้เป็นโมฆะหรือไม่สมบูรณ์ด้วยประการใดๆ จำเลยจะนำสืบว่ารับเงินกู้ไปไม่ครบจำนวนดังข้อความตามสัญญากู้นั้นหาได้ไม่ เป็นการขัดต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไป 6,100 บาทดอกเบี้ยชั่งละ 1 บาทต่อเดือนตามสำเนาสัญญากู้ท้ายฟ้อง หนี้ครบกำหนดจำเลยไม่ชำระขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระหนี้รายนี้ให้โจทก์

จำเลยให้การรับว่าได้กู้เงินโจทก์จริงตามฟ้อง แต่ในวันทำสัญญาจำเลยได้รับเงินไปเพียง 4,000 บาท ส่วนเงินที่เหลือโจทก์ให้มารับใน 7 วัน แต่ในที่สุดจำเลยก็ยังไม่ได้รับเงินที่เหลือขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์รับชำระหนี้เพียง 4,000 บาท

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระต้นเงิน 4,000 บาท และดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2498 จนถึงวันชำระเสร็จให้โจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยชำระต้นเงิน 6,100 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2498 จนถึงวันชำระเสร็จให้โจทก์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์มีเอกสารสัญญากู้เป็นหลักฐานปรากฏชัดเจนในจำนวนเงินที่กู้ และระบุว่าได้รับเงินไปครบถ้วนถูกต้องแล้ว จำเลยมิได้ต่อสู้ว่า สัญญากู้นี้เป็นโมฆะหรือไม่สมบูรณ์ด้วยประการใด ๆ จะนำสืบว่ารับเงินกู้ไปไม่ครบจำนวนดังข้อความตามสัญญานั้นหาได้ไม่

พิพากษายืน

Share