แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้ร้องอ้างในคำร้องว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาสืบทราบว่าโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยและได้ขายทอดตลาดทรัพย์สินเสร็จเรียบร้อยแล้วเป็นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ที่สมบูรณ์แล้วไม่เคลือบคลุมส่วนผู้ร้องจะสามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลยได้หรือไม่เป็นข้อเท็จจริงที่ต้องนำสืบกันในชั้นพิจารณาหาจำต้องบรรยายไว้ด้วยไม่ แม้ผู้ร้องจะนำยึดที่ดินของลูกหนี้ตามคำพิพากษารายหนึ่งไว้แล้วแต่ราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้ไม่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้องเมื่อจำเลยซึ่งเป็น ลูกหนี้ตามคำพิพากษาอีกรายหนึ่งไม่มีทรัพย์สินอื่นๆที่ผู้ร้องสามารถบังคับคดีได้โดยสิ้นเชิงแล้วผู้ร้องจึงมีสิทธิขอเฉลี่ยเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยในคดีนี้ได้
ย่อยาว
กรณี สืบเนื่อง มาจาก ศาลชั้นต้น พิพากษา ตามยอม ให้ จำเลย ชำระ เงินจำนวน 208,000 บาท พร้อม ดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ 15 ต่อ ปีนับแต่ วันที่ 2 สิงหาคม 2533 เป็นต้น ไป แต่ จำเลย ไม่ปฏิบัติ ตามคำพิพากษา ตามยอม โจทก์ จึง นำ เจ้าพนักงาน บังคับคดี ยึด ที่ดิน ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 90 ต่อมา วันที่ 17 ตุลาคม 2534โจทก์ ประมูล ซื้อ ที่ดิน แปลง ดังกล่าว ได้ ใน ราคา 175,000 บาท
ผู้ร้อง ยื่น คำร้อง ว่า ผู้ร้อง เป็น เจ้าหนี้ จำเลย ตาม คำพิพากษา ของศาลชั้นต้น ใน คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 682/2534 เป็น จำนวน 939,000 บาทพร้อม ดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ 15 ต่อ ปี นับแต่ วันที่ 26 มีนาคม 2533เป็นต้น ไป จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ โจทก์ นำ เจ้าพนักงาน บังคับคดี ไป ยึด ที่ดินของ จำเลย และ ขายทอดตลาด แล้ว จึง ขอให้ ผู้ร้อง เข้า เฉลี่ย เงิน ที่ ได้ จากการ ขายทอดตลาด ที่ดิน ของ จำเลย
โจทก์ ยื่น คำคัดค้าน ว่า คำร้องขอ งผู้ร้อง ไม่ได้ กล่าว ว่า ผู้ร้องไม่อาจ เอา ชำระหนี้ จาก ทรัพย์สิน อื่น ของ จำเลย ได้ อีก เป็น คำร้อง ที่ไม่ครบ หลักเกณฑ์ ที่ จะ ยื่น คำร้องขอ เฉลี่ยทรัพย์ ถือว่า เป็น คำร้อง ที่ไม่แสดง โดย แจ้งชัด ซึ่ง สภาพแห่งข้อหา และ ข้ออ้าง ที่อาศัย เป็น หลัก แห่งข้อหา คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 682/2534 ของ ศาลชั้นต้น มี นาย ดำรง บุญสนอง ผู้กู้ เป็น จำเลย ที่ 1 และ จำเลย เป็น จำเลย ที่ 2 ใน ฐานะ ผู้ค้ำประกัน นาย ดำรง นาย ดำรง มี ทรัพย์สิน พอ ชำระหนี้ แก่ ผู้ร้อง ซึ่ง ผู้ร้อง ได้ นำ เจ้าพนักงาน บังคับคดี ยึด ที่ดิน 2 แปลง ของ นาย ดำรง และ อยู่ ระหว่าง รอ ขายทอดตลาด จำเลย จึง ไม่มี หน้าที่ ต้อง ชำระหนี้ ให้ แก่ผู้ร้อง อีก จำเลย ยัง มี ทรัพย์สิน อื่น เพียงพอ ที่ ผู้ร้อง จะ บังคับคดี ได้ โดย ไม่ต้อง ขอเฉลี่ยเงิน ที่ ได้ จาก การ ขายทอดตลาด ใน คดี นี้ขอให้ ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง อนุญาต ให้ ผู้ร้อง เฉลี่ย เงิน ที่ ได้ จาก การขายทอดตลาด ที่ดิน ของ จำเลย
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “โจทก์ ฎีกา ข้อ แรก ว่า คำร้องขอ เฉลี่ยทรัพย์ไม่มี ข้อความ ว่า ผู้ร้อง ไม่สามารถ เอา ชำระหนี้ ได้ จาก ทรัพย์สิน อื่น ๆของ จำเลย ผู้เป็น ลูกหนี้ ตาม คำพิพากษา เป็น คำร้อง ที่ เคลือบคลุมเห็นว่า ผู้ร้อง ได้ อ้าง ใน คำร้อง ว่า ผู้ร้อง เป็น เจ้าหนี้ จำเลย ตามคำพิพากษา ได้ สืบทราบ ว่า โจทก์ นำ เจ้าพนักงาน บังคับคดี ยึดทรัพย์สินของ จำเลย และ ได้ ทำการ ขายทอดตลาด ทรัพย์สิน ของ จำเลย เสร็จ เรียบร้อย แล้วดังนี้ ถือได้ว่า เป็น คำร้องขอ เฉลี่ยทรัพย์ ที่ สมบูรณ์ แล้วไม่ เคลือบคลุม ส่วน ผู้ร้อง จะ สามารถ เอา ชำระหนี้ จาก ทรัพย์สิน อื่น ของจำเลย ได้ หรือไม่ เป็น ข้อเท็จจริง ที่ จะ ต้อง นำสืบ กัน ใน ชั้นพิจารณาฎีกา โจทก์ ข้อ นี้ ฟังไม่ขึ้น
โจทก์ ฎีกา ข้อ ต่อมา ว่า ผู้ร้อง นำสืบ ไม่ได้ ว่า ผู้ร้อง ไม่สามารถเอา ชำระหนี้ จาก ทรัพย์สิน อื่น ๆ ของ จำเลย ผู้ร้อง จึง ไม่มี สิทธิ ขอเฉลี่ย เงิน ที่ ได้ จาก การ ขายทอดตลาด ทรัพย์สิน ของ จำเลย เห็นว่าข้อเท็จจริง ที่ รับ และ ไม่ โต้เถียง กัน ฟังได้ ว่า ผู้ร้อง เป็น เจ้าหนี้จำเลย และ นาย ดำรง บุญสนอง ตาม คำพิพากษา เป็น เงิน 939,000 บาท พร้อม ดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ 15 ต่อ ปี จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ แต่ จำเลย และนาย ดำรง ไม่ชำระ หนี้ ดังกล่าว ผู้ร้อง จึง ได้ ดำเนินการ บังคับคดี โดย ยึด ที่ดิน ของ นาย ดำรง 2 แปลง เป็น ที่ดิน ที่ มี โฉนด แปลง หนึ่ง และ เป็น ที่ดิน มี หนังสือรับรองการทำประโยชน์ อีก แปลง หนึ่ง ที่ดิน แปลง ที่ มี โฉนดผู้ร้อง ถอน การ ยึด เนื่องจาก นาย ดำรง ขาย ไป ก่อน ผู้ร้อง ยึด ส่วน ที่ ดิน แปลง มี หนังสือรับรองการทำประโยชน์ อยู่ ระหว่าง รอ ขายทอดตลาดซึ่ง เจ้าพนักงาน บังคับคดี ได้ ประเมิน ราคา ที่ดิน แปลง นี้ ไว้ 140,000บาท เห็นว่า โจทก์ นำสืบ ไม่ได้ ว่า ที่ดิน แปลง นี้ มี ราคา จริง เท่าไรดังนั้น ที่ เจ้าพนักงาน บังคับคดี ประเมิน ราคา ไว้ 140,000 บาท จึง ฟังได้ว่า เป็น ราคา ที่ สมควร ที่ โจทก์ ฎีกา ว่า จำเลย ยัง มี รถยนต์กระบะ อีก1 คัน นั้น ก็ ได้ความ จาก คำเบิกความ ของ ผู้ร้อง ว่า รถยนต์กระบะ คันดังกล่าว ได้ ถูก เจ้าหนี้ ราย อื่น ของ จำเลย ยึด ไป แล้ว โจทก์ ไม่มี พยานมา หักล้าง คำเบิกความ ของ ผู้ร้อง ดังกล่าว จึง ฟังได้ ว่า รถยนต์กระบะ ของจำเลย ได้ ถูก เจ้าหนี้ ราย อื่น ยึด ไป ดัง ที่ ผู้ร้อง เบิกความ จึง ถือ ไม่ได้ว่า รถยนต์กระบะ คัน นั้น เป็น ทรัพย์สิน ของ จำเลย ที่ ผู้ร้อง จะ เอา มาชำระหนี้ ได้ ดังนั้น จึง เหลือ เฉพาะ ที่ดิน ของ นาย ดำรง เพียง แปลง เดียว ที่ ผู้ร้อง ยึด มา ชำระหนี้ ได้ แต่ ที่ดิน แปลง นั้น ก็ มี ราคา เพียง ประมาณ140,000 บาท ไม่พอ ชำระหนี้ ตาม คำพิพากษา ของ ผู้ร้อง ดังนี้ ถือว่าผู้ร้อง นำสืบ ได้ว่า ผู้ร้อง ไม่สามารถ เอา ชำระหนี้ จาก ทรัพย์สิน อื่น ๆของ จำเลย โดย สิ้นเชิง ผู้ร้อง จึง มีสิทธิ ขอเฉลี่ยเงิน ที่ ได้ จาก การขายทอดตลาด ทรัพย์สิน ของ จำเลย ใน คดี นี้ ฎีกา โจทก์ ข้อ นี้ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน