คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1717/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าองค์การเหมืองแร่จำเลยว่าจ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างประจำ ต่อมาได้เลิกจ้างโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย แม้ได้ความตามทางพิจารณาว่าโจทก์เป็นลูกจ้างของศูนย์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ กรมทรัพยากรธรณีกระทรวงอุตสาหกรรม และถูกเลิกจ้างก่อนที่จะมีการจัดตั้งองค์การจำเลยขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกา จัดตั้งองค์การเหมืองแร่ พ.ศ. 2520 ก็ตาม แต่ พระราชกฤษฎีกา ดังกล่าวมาตรา 8 บัญญัติให้ กรมทรัพยากรธรณีดำเนินการโอนกิจการ ทรัพย์สินสิทธิ หนี้และความรับผิดของศูนย์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ให้แก่องค์การจำเลย ดังนี้ หนี้ที่จะต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์จึงโอนมาอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยด้วย จำเลยจึงเข้าใจได้แล้วว่าเป็นการฟ้องให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยที่จำเลยผูกพันต้องชำระตามที่รับโอนมาข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาจึงหาใช่ข้อเท็จจริงนอกฟ้องไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ ต่อมาจำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุเกษียณอายุและไม่จ่ายค่าชดเชย ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยและดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์ออกจากงานก่อนที่จำเลยจะมีสภาพเป็นนิติบุคคลและเป็นการออกจากงานในขณะที่มิได้เป็นลูกจ้างของจำเลย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานและเลิกจ้างโจทก์ แต่ทางพิจารณาปรากฏว่าโจทก์เป็นลูกจ้างศูนย์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ มิใช่ลูกจ้างของจำเลยแตกต่างกับฟ้อง ชอบที่ศาลจะพิพากษายกฟ้องพิเคราะห์แล้ว โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานและต่อมาเลิกจ้างโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย แม้ได้ความตามทางพิจารณาว่าโจทก์เป็นลูกจ้างของศูนย์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงอุตสาหกรรมและถูกเลิกจ้างเพราะเหตุเกษียณอายุ ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2519ก่อนที่จะมีการจัดตั้งองค์การจำเลยขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การเหมืองแร่ พ.ศ. 2520 ก็ตาม แต่พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมาตรา 8 บัญญัติให้กรมทรัพยากรธรณีดำเนินการโอนกิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และความรับผิดของศูนย์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ให้แก่องค์การเหมืองแร่จำเลย ดังนี้ หนี้ของศูนย์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ กรมทรัพยารธรณี ที่จะต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์จึงโอนมาอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยด้วย การที่โจทก์บรรยายฟ้องดังกล่าว จำเลยจึงเข้าใจได้แล้วว่าเป็นการฟ้องให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยที่จำเลยผูกพันชำระตามที่รับโอนมาจากศูนย์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ กรมทรัพยากรธรณี ตามพระราชกฤษฎีกานั่นเอง ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาว่าโจทก์เป็นลูกจ้างของศูนย์อุตสาหกรรมเหมืองแร่กรมทรัพยากรธรณีจนกระทั่งครบเกษียณอายุ จึงหาใช่ข้อเท็จจริงนอกฟ้องไม่ และไม่เป็นเหตุที่ศาลจะพิพากษายกฟ้อง

พิพากษายืน

Share