คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1713/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

นับแต่ศาลนัดไต่สวนคำร้องของจำเลยครั้งแรกเป็นเวลา 6 เดือนเศษจำเลยนำพยานเข้าสืบได้เพียง 3 ปาก และจำเลยขอเลื่อนไปสืบพยานต่อ ถึงวันนัดจำเลยแถลงว่านางสาว ด. พยานจำเลยป่วยขอเลื่อน โจทก์คัดค้านว่าจำเลยประวิงคดี ศาลอนุญาตให้เลื่อนไปอีกนัดหนึ่ง ถึงวันนัดจำเลยมิได้นำนางสาว ด. ไปศาลเพื่อให้ศาลทำการสืบพยานปากนี้ ทั้งมิได้แถลงเกี่ยวกับพยานที่จะนำเข้าสืบในวันนั้นแต่อย่างใด พฤติการณ์ถือว่าจำเลยประวิงคดี ศาลชอบที่จะงดสืบพยานจำเลยได้ เมื่อศาลพิพากษาตามยอมแล้ว โจทก์ได้ไปยื่นคำร้องขอโอนกิจการโรงงานให้จำเลยตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่จำเลยไม่ยอมชำระเงินให้แก่โจทก์ตามสัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ ต่อมาคู่ความตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และศาลมีคำพิพากษาตามยอม จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี จำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดีโจทก์คัดค้าน ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยจำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องของจำเลยครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2528 จนกระทั่งถึงวันที่ 15 เมษายน2529 จำเลยนำพยานเข้าสืบได้เพียง 3 ปาก และจำเลยขอเลื่อนไปสืบพยานต่อในวันที่ 20 พฤษภาคม 2529 ถึงวันนัดจำเลยแถลงว่านางสาวดารณี วัธนเวคิน พยานจำเลยป่วยขอเลื่อน โจทก์คัดค้านว่าจำเลยประวิงคดี ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปในวันที่ 26 พฤษภาคม2529 ถึงวันนัดจำเลยมิได้นำนางสาวดารณี วัธนเวคิน ไปศาลเพื่อให้ศาลทำการสืบพยานปากนี้แต่อย่างใด หากนางสาวดารณียังป่วยอยู่จริงและไม่สามารถมาศาลได้ จำเลยก็น่าจะแถลงให้ศาลทราบ ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แถลงเกี่ยวกับพยานที่จะนำเข้าสืบในวันนั้นแต่อย่างใด ตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยประวิงคดี ที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานจำเลยนั้นชอบแล้ว
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอมยอมความขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดีนั้น ตามคำเบิกความของจำเลยและนายเขมทัศน์ ศรีจิตพิพัฒน์กุล ว่า ในวันที่โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความ เมื่อศาลพิพากษาตามยอมแล้ว โจทก์จำเลยและนายเขมทัศน์ บุตรของจำเลยได้พากันไปที่อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรีจำเลยว่า โจทก์จะได้เซ็นชื่อเพื่อขอโอนกิจการโรงงานให้นายเขมทัศน์หรือไม่จำไม่ได้ แต่จำเลยและนายเขมทัศน์รับว่า ต่อมาวันที่17 มกราคม 2528 นายเขมทัศน์ได้ยื่นคำร้องขอเปิดโรงงานต่ออุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี และได้รับโอนกิจการโรงงานของโจทก์ไปแล้วในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความและหลังจากศาลพิพากษาตามยอมแล้ว หากโจทก์ไม่ไปจัดการโอนกิจการโรงงานให้แก่นายเขมทัศน์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว เหตุใดจึงได้พากันไปที่อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี เชื่อว่าโจทก์ได้ไปเซ็นชื่อในคำร้องขอโอนกิจการโรงงานตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้แก่นายเขมทัศน์แล้ว แต่มีเหตุขัดข้องไม่สามารถจดทะเบียนโอนได้ในวันนั้น ต่อมาวันที่ 17 มกราคม 2528 นายเขมทัศน์จึงนำเรื่องราวไปขอรับโอนกิจการโรงงานตามสัญญาประนีประนอมยอมความไปเรียบร้อยแล้วจำเลยไม่ชำระเงินแก่โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอมยอมความศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share