คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ยกคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ โดยไม่ได้กล่าวในคำร้องว่าผู้ร้องทั้งสองได้ยื่นหนังสือปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือยืนยันให้ผู้ร้องชำระหนี้ การที่ผู้ร้องทั้งสองฎีกาว่า ก่อนที่ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นผู้ร้องทั้งสองได้ยื่นหนังสือปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือยืนยันให้ผู้ร้องทั้งสองชำระหนี้อันเป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.ล้มละลายฯมาตรา 119 แล้วนั้นเป็นฎีกากล่าวอ้างข้อเท็จจริงนอกเหนือจากคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง ถือได้ว่าข้อเท็จจริงตามที่ผู้ร้องทั้งสองฎีกากล่าวอ้างดังกล่าว เป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ฎีกาของผู้ร้องทั้งสองจึงไม่ชอบที่จะรับไว้พิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ประกอบด้วย พ.ร.บ. ล้มละลายฯมาตรา 153.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2532 และมีคำพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2533
ต่อมาวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2534 ผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 ต่างยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นทำนองเดียวกันรวมความว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้สอบสวนผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 เกี่ยวกับลูกหนี้ค่าหุ้นที่ค้างชำระ ผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 ได้นำพยานหลักฐานต่าง ๆ ให้การสอบสวนต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนพยานหลักฐานแล้วมีความเห็นว่าผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 เป็นหนี้ค้างชำระต่อจำเลย ผู้ร้องที่ 1 และที่ 2ไม่เห็นพ้องในการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้ร้องที่ 1และที่ 2 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นของจำเลยลายมือชื่อของผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 ที่มีอยู่ในทะเบียนผู้ถือหุ้นเลขที่ 1295/2519 ของจำเลย เป็นลายมือชื่อปลอม เป็นการทำขึ้นโดยพลการไม่ได้รับการรู้เห็นหรือยินยอมจากผู้ร้องที่ 1 และที่2 ด้วยเหตุดังกล่าวผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 จึงไม่ต้องชำระหนี้ค่าหุ้นที่ค้างชำระ ขอให้ยกคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องของผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 ว่า เนื่องจากยังไม่มีเหตุที่ผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 จะใช้สิทธิทางศาล จึงไม่สั่งคำร้องของผู้ร้องที่ 1 และที่ 2
ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 119 ถ้าผู้ร้องทั้งสองจะปฏิเสธหนี้ผู้ร้องทั้งสองจะต้องแสดงเหตุผลประกอบข้อปฏิเสธเป็นหนังสือไปยังเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ภายในกำหนด 14 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งความการที่ผู้ร้องทั้งสองมายื่นคำร้องลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์2534 ต่อศาลชั้นต้น นั้น ไม่ปรากฏว่า ผู้ร้องได้ปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว จึงเป็นการข้ามขั้นตอนตามที่พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 119 บัญญัติไว้ผู้ร้องทั้งสองจึงยังไม่มีสิทธิที่จะใช้สิทธิทางศาลศาลชั้นต้นไม่สั่งคำร้องของผู้ร้องทั้งสองมีผลเท่ากับมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสองและเป็นคำสั่งที่ชอบแล้ว พิพากษายืน
ผู้ร้องทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่าคดีนี้ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ยกคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ โดยไม่ได้กล่าวอ้างในคำร้องว่า ผู้ร้องทั้งสองได้ยื่นหนังสือปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือยืนยันให้ผู้ร้องชำระหนี้ การที่ผู้ร้องทั้งสองฎีกาว่าก่อนที่ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ผู้ร้องทั้งสองได้ยื่นหนังสือปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือยืนยันให้ผู้ร้องทั้งสองชำระหนี้ อันเป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 119 แล้วนั้น เป็นฎีกากล่าวอ้างข้อเท็จจริงนอกเหนือจากคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง ถือได้ว่าข้อเท็จจริงตามที่ผู้ร้องทั้งสองฎีกากล่าวอ้างดังกล่าว เป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ฎีกาของผู้ร้องทั้งสองจึงไม่ชอบที่จะรับไว้พิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 153 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาของผู้ร้องทั้งสอง.

Share