คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ที่จะมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 152 จะต้องเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น การที่จำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นนายกเทศมนตรี มีหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการของเทศบาลโดยตรงและเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดของห้างหุ้นส่วนจำกัดช.ได้เข้าทำสัญญาซื้อขายกับห้างหุ้นส่วนจำกัดช. เมื่อเทศบาลได้ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบของทางราชการและราคาที่ตกลงซื้อก็ต่ำกว่าราคาที่เทศบาลตั้งงบประมาณไว้ แสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปตามอำนาจหน้าที่ในฐานะนายกเทศมนตรีไม่ได้มุ่งหวังประโยชน์อย่างอื่น จึงถือไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยการทำสัญญาดังกล่าว จึงไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 152 จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด ช. คู่สัญญาจึงไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 86, 91, 149, 152, 157 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 5, 8, 13 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 152 กระทงหนึ่ง และมาตรา 157 อีกกระทงหนึ่ง ความผิดตามมาตรา 152 ลงโทษจำคุก 1 ปี ตามมาตรา 157 ลงโทษจำคุก 4 ปีรวมจำคุก 5 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86, 152 ลงโทษจำคุก 8 เดือน ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1ที่ 2 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่าจำเลยที่ 1 เป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองมุกดาหาร มีหน้าที่ควบคุมและรับผิดชอบในการบริหารกิจการของเทศบาลตามกฎหมาย และเป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดของห้างหุ้นส่วนจำกัด ช.การช่างเจริญชัยซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2527เทศบาลเมืองมุกดาหารได้ประกาศเรียกสอบราคาซื้อดินถมและบดอันแน่นบริเวณที่จะทำการก่อสร้างสำนักงานเทศบาลเมืองมุกดาหาร วันที่ 5เมษายน 2527 มีผู้ยื่นซองเสนอราคา 3 ราย รวมทั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดช.การช่างเจริญชัย โดยห้างหุ้นส่วนจำกัด ช.การช่างเจริญชัยเสนอราคาเป็นเงิน 65,474 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เสนอต่ำสุดคณะกรรมการเปิดซองสอบราคาได้ต่อรอง จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด ช.การช่างเจริญชัย ยอมลดราคาลงเหลือ61,000 บาท และเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาที่เจ้าหน้าที่เทศบาลประมาณไว้ 1,000 บาท เทศบาลเมืองมุกดาหารจึงได้ทำสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2527 โดยจำเลยที่ 1 ลงชื่อเป็นผู้ซื้อในนามเทศบาลเมืองมุกดาหาร จำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นผู้ขายในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด ช.การช่างเจริญชัย ต่อมาห้างหุ้นส่วนจำกัดช.การช่างเจริญชัย ส่งมอบดินถมและบดอันแน่นเรียบร้อยแล้วห้างหุ้นส่วนจำกัด ช.การช่างเจริญชัย ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1รับเงินค่าขายดินถมและบดอัดแน่นไปแล้ว คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาตามฎีกาของโจทก์เพียงว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 152 และจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานสนับสนุนจำเลยที่ 1 กระทำความผิดดังกล่าวหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว ผู้ที่จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152จะต้องเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น ที่โจทก์ฎีกาว่าการที่จำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นนายกเทศมนตรีมีหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการของเทศบาลโดยตรงและเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดของห้างหุ้นส่วนจำกัด ช.การช่างเจริญชัยได้เข้าทำสัญญาซื้อขายดินถมกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ช.การช่างเจริญชัยเป็นการเข้ามามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการดังกล่าวนั้นแล้ว เห็นว่า ข้อนี้ข้อเท็จจริงได้ความจากนายวัชระ ตรงสกุล พยานโจทก์ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายช่างเทศบาลเมืองมุกดาหารว่า ในการจัดซื้อดินถมพร้อมบดอัดแน่นจากห้างหุ้นส่วนจำกัดช.การช่างเจริญชัย นั้น เทศบาลเมืองมุกดาหารได้ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ และราคาที่ตกลงซื้อก็ต่ำกว่าราคาที่เทศบาลเมืองมุกดาหารตั้งงบประมาณไว้ แสดงว่าการจัดซื้อดินดังกล่าวจำเลยที่ 1 ในฐานะนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองมุกดาหารได้กระทำไปตามอำนาจหน้าที่ของตน ไม่ได้มุ่งหวังประโยชน์อย่างอื่นนอกจากประโยชน์ของเทศบาลเมืองมุกดาหารเป็นสำคัญ กรณีจึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยการทำสัญญาซื้อขายดังกล่าว จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 เมื่อจำเลยที่ 1ไม่มีความผิดจำเลยที่ 2 ก็ไม่มีความผิดฐานสนับสนุนจำเลยที่ 1กระทำความผิด…”
พิพากษายืน.

Share