คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีเครื่องกระสุนปืนซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครอง ปรับ 2,400 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้จำคุกจำเลย 1 ปีสถานเดียว จึงต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจมีกระสุนปืนเล็กกลจำนวน 23 นัดอันเป็นเครื่องกระสุนปืนนอกจากที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงฉบับที่ 11 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. 2490 ซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองของจำเลย จำเลยให้การรับสารภาพ ดังนี้ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ดังฟ้องโจทก์จำเลยจะฎีกาโต้เถียงว่าไม่มีเจตนาครอบครองกระสุนปืนเล็กกลของกลางดังกล่าวหาได้ไม่ เพราะเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพแล้ว
ฎีกาขอให้ศาลรอการลงโทษให้แก่จำเลยนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเครื่องกระสุนปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ ซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองของจำเลย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๔, ๗, ๕๕, ๗๒, ๗๘ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖, ๘ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๔ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ ข้อ ๖ และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ ข้อ ๒, ๓ ให้ปรับ ๔,๘๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง คงปรับ ๒,๔๐๐ บาท ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยสถานเดียว ๒ ปี จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลย แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน ๑ ปี จึงต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๙ ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยเก็บกระสุนปืนของกลางได้ในสวนยางโดยไม่มีเจตนาครอบครองไว้เป็นของจำเลย และหากศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิด ก็ขอให้รอการลงโทษนั้น คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจมีกระสุนปืนเล็กกลจำนวน ๒๓ นัดอันเป็นเครื่องกระสุนปืน นอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๑ ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ ซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองของจำเลย จำเลยให้การรับสารภาพ ดังนี้ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามฟ้องโจทก์ จำเลยจะฎีกาโต้เถียงว่า ไม่มีเจตนาครอบครองกระสุนปืนเล็กกลของกลางหาได้ไม่ เพราะเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพแล้วนั่นเอง ส่วนปัญหาว่าสมควรรอการลงโทษจำเลยหรือไม่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว
พิพากษายกฎีกาของจำเลย.

Share