คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1704/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทนายจำเลยขอเลื่อนคดี โดยอ้างแต่เพียงว่า ได้แจ้งวันนัดสืบพยานให้จำเลยทราบแล้ว ภริยาจำเลยแจ้งว่า จำเลยไปกิจธุระที่ต่างจังหวัดเสีย มาศาลไม่ได้ในวันนั้น เมื่อทนายมิได้พบจำเลยเอง การที่แถลงว่า จำเลยไปกิจธุระต่างจังหวัดนั้น เป็นคำบอกเล่าที่ได้รับจากภริยาจำเลย และกิจธุระอะไรก็ไม่ปรากฏ จะถือเป็นเหตุจำเป็นที่จะต้องเลื่อนคดียังไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ซื้อเชื่อประตูหน้าต่างของโจทก์ไป 3 คราว เป็นเงิน 21,115 บาท แล้วไม่ชำระ จึงขอให้บังคับจำเลยชำระเงินรายนี้กับดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า จำเลยเคยซื้อเชื่อประตูหน้าต่างไปจากโจทก์หลายคราว แต่ชำระให้หมดแล้ว สิ่งของตามบัญชีท้ายฟ้อง จำเลยไม่ได้ซื้อไปจากโจทก์

ศาลแพ่งพิจารณาแล้ว ฟังว่า จำเลยได้ซื้อประตูหน้าต่างไปจากโจทก์จริงดังฟ้อง พิพากษาให้จำเลยใช้เงินให้โจทก์ 21,115 บาทกับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2497 อันเป็นวันผิดนัด จนกว่าจะใช้เสร็จและให้จำเลยใช้ค่าธรรมเนียมค่าทนายความ 500 บาท แก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 250 บาท แก่โจทก์ด้วย

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาแล้ว ข้อที่จำเลยฎีกาว่าศาลชั้นต้นไม่ยอมให้เลื่อนสืบพยานจำเลยนั้น ปรากฏว่า เหตุที่ขอเลื่อนทนายจำเลยอ้างแต่เพียงว่า ได้แจ้งวันนัดสืบพยานให้จำเลยทราบแล้ว ภริยาจำเลยแจ้งว่า จำเลยไปกิจธุระที่จังหวัดพิษณุโลกเสียมาศาลไม่ได้ในวันนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า ทนายมิได้พบจำเลยเอง การที่ทนายแถลงว่า จำเลยไปกิจธุระที่ต่างจังหวัดนั้น เป็นคำบอกเล่าที่ได้รับจากภริยาจำเลย และกิจธุระอะไรก็ไม่ปรากฏ ฉะนั้น จะถือเป็นเหตุจำเป็นที่จะต้องเลื่อนคดียังไม่ได้ ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี โดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ จึงชอบแล้ว

สำหรับข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้ง 2 ฟังต้องกันมาว่า จำเลยยังมิได้ชำระหนี้รายนี้ให้แก่โจทก์นั้น ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้ว ไม่มีเหตุอันควรสงสัยเป็นอย่างอื่น

จึงพร้อมกันพิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลยเสีย

Share