คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ส. บอกจำเลยว่ามีเรื่องกับคนอื่นให้ไปช่วยระหว่างทาง ส.มอบปืนให้ เมื่อถึงที่เกิดเหตุจำเลยเดินตาม ส. ไปใกล้ ๆ คอยมองดูรอบ ๆ บริเวณทำนองเป็นการคุ้มกัน เมื่อ ส. ยิงผู้ตายแล้ว จำเลยก็หนีไปด้วยกัน แม้จำเลยมิได้ยิงผู้ตายแต่พฤติการณ์แสดงว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับ ส. ยิงผู้ตายเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำจำเลยจึงเป็นตัวการฆ่าผู้ตายด้วย

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 83 จำคุก 10 ปี และมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 จำคุก 6 เดือน มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ จำคุก 3 เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ทางพิจารณาได้ความจากพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยว่า จำเลยและนายสมชัย นารีเลิศ ต่างเป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วยกัน นายสมชัยไปเรียนหนังสือและเช่าบ้านที่จังหวัดยะลาอยู่ก่อนแล้ว จำเลยเพิ่งไปจังหวัดยะลาเพื่อจะสมัครเข้าเป็นนักเรียนพลตำรวจและไปพักอยู่กับนายสมชัยก่อนเกิดเหตุเพียง 1 วัน นายสมชัยกับนายประพันธ์ จิตรมณีพันธ์ผู้ตายเรียนหนังสืออยู่ชั้นเดียวกันที่โรงเรียนพาณิชยการยะลา เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2524 เวลาประมาณ 10 นาฬิกา นายสมชัยชกต่อยกับนายประพันธ์ผู้ตายในบริเวณโรงเรียนพาณิชยการยะลา แต่ครูในโรงเรียนได้ห้ามให้เลิกชกกัน ต่อมานายสมชัยขี่รถจักรยานยนต์ออกไปจากโรงเรียนนานประมาณ 1 ชั่วโมง จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับมาที่โรงเรียนโดยชวนจำเลยและนายประทีปนั่งซ้อนท้ายมาด้วย เมื่อจอดรถจักรยานยนต์แล้วนายสมชัยถืออาวุธปืนลูกซองสั้นเดินไปที่นายประพันธ์ซึ่งนั่งอยู่กับเพื่อนที่หน้าห้องน้ำชั้นล่าง นายประพันธ์เห็นจึงลุกเดินมาหาและพูดกับนายสมชัย นายสมชัยก็ใช้อาวุธปืนยิงนายประพันธ์ 1 นัด กระสุนปืนถูกศีรษะและบริเวณใบหน้านายประพันธ์ถึงแก่ความตายตามรายงานการชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้อง ขณะที่นายสมชัยเดินไปที่นายประพันธ์นั้น จำเลยได้เดินตามนายสมชัยไปห่างกันราว 2 วา เมื่อนายสมชัยยิงนายประพันธ์แล้วได้วิ่งหนีออกจากโรงเรียนไป จำเลยกับนายประทีปวิ่งตามไปด้วย แล้วจำเลยย้อนกลับเข้ามาในโรงเรียนเพื่อจะขี่รถจักรยานยนต์ที่นั่งซ้อนท้ายมากับนายสมชัยนั้นออกจากโรงเรียนไป แต่ประตูโรงเรียนปิดไว้ จึงขี่รถจักรยานยนต์ออกจากโรงเรียนไม่ได้ จำเลยจึงหนีออกไปเรียกรถโดยสาร ระหว่างนั้นมีนักเรียนชี้ให้เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลย จำเลยรู้ตัวจึงวิ่งหนีและทิ้งอาวุธปืนของกลางไว้ที่โคนต้นมะพร้าวข้างทาง เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจไล่จับจำเลยได้เจ้าพนักงานตำรวจถามถึงอาวุธปืน จำเลยได้พาเจ้าพนักงานตำรวจไปเอาอาวุธปืนที่ทิ้งไว้ โจทก์นำสืบว่าจำเลยร่วมกับนายสมชัย นารีเลิศยิงนายประพันธ์ จิตรมณีพันธ์ ผู้ตายจำเลยนำสืบปฏิเสธว่าไม่ได้ร่วมกระทำความผิดกับนายสมชัย นารีเลิศ ตามที่โจทก์ฟ้อง

พิเคราะห์แล้ว ปัญหาที่ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่นั้น โจทก์มีนายสมจิตร เรืองประดิษฐ และนายรอยาลีมาซอเป็นพยานเบิกความยืนยันว่าพยานอยู่ห่างที่เกิดเหตุราว 5 วา มองเห็นนายสมชัยขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาจอดในโรงเรียนพาณิชยการยะลา นายสมชัยลงจากรถจักรยานยนต์แล้วถือปืนเดินไปที่นายประพันธ์ จิตรมณีพันธ์ ซึ่งอยู่ห่างกันราว 2 วา จำเลยเดินตามนายสมชัยไปห่างนายสมชัยราว 2 วาเมื่อนายสมชัยยิงนายประพันธ์แล้ววิ่งหนีออกจากโรงเรียนไป จำเลยได้วิ่งหนีตามนายสมชัยไปด้วยแล้วจำเลยย้อนกลับมาเอารถจักรยานยนต์ที่จำเลยขี่ซ้อนท้ายมากับนายสมชัย แต่ประตูโรงเรียนปิดจึงเอารถจักรยานยนต์ออกไม่ได้แล้วจำเลยได้หนีไป ระหว่างนั้นนายรอยาลีพบเจ้าพนักงานตำรวจมาจึงชี้ให้จับจำเลย จำเลยวิ่งหนี เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้แล้วได้สอบถามถึงอาวุธปืน จำเลยพาเจ้าพนักงานตำรวจไปเอาอาวุธปืนที่จำเลยทิ้งไว้ที่โคนต้นมะพร้าวข้างทาง นอกจากนี้ยังได้ความจากคำของร้อยตำรวจโทกิ่ง ทองเต็ม พนักงานสอบสวนว่าในชั้นสอบสวนจำเลยให้การว่านายสมชัยขี่รถจักรยานยนต์มาบอกจำเลยที่บ้านพักว่ามีเรื่องกับเพื่อนที่โรงเรียนพาณิชยการยะลาให้จำเลยไปช่วยจำเลยกับนายประทีปจึงนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปกับนายสมชัย ระหว่างทางนายสมชัยได้มอบอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางให้จำเลย ส่วนนายสมชัยก็มีอาวุธปืนติดตัวไปอีกกระบอกหนึ่งปรากฏตามคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเอกสารหมาย จ.2 ร้อยตำรวจโทกิ่งกับจำเลยไม่รู้จักกันมาก่อน จึงไม่มีเหตุที่ร้อยตำรวจโทกิ่งจะแกล้งแต่งคำให้การให้แก่จำเลยและถ้าจำเลยไม่ให้การตามที่ปรากฏในเอกสารหมาย จ.2 ร้อยตำรวจโทกิ่งย่อมจะไม่ทราบข้อเท็จจริงต่าง ๆ โดยละเอียดเช่นนั้นซึ่งจำเลยก็เบิกความรับว่านายสมชัยชวนไปโรงเรียนพาณิชยการยะลา ขณะนายสมชัยยิงผู้ตายจำเลยยืนมองดูรอบ ๆบริเวณโรงเรียน จึงเชื่อว่าจำเลยให้การในชั้นสอบสวนตามเอกสารหมาย จ.2 ด้วยความสมัครใจ ที่จำเลยอ้างเพียงว่าพนักงานสอบสวนไม่ได้อ่านคำให้การให้ฟังเท่านั้นยังไม่พอฟังว่าคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยมีพิรุธ เห็นว่าการที่นายสมชันไปบอกจำเลยว่ามีเรื่องกับคนอื่นให้จำเลยไปช่วย แล้วจำเลยตามนายสมชัยไปยังที่เกิดเหตุระหว่างทางนายสมชัยยังได้มอบอาวุธปืนให้แก่จำเลยไว้ด้วย แสดงว่านายสมชัยกับจำเลยได้ร่วมคิดกันไปกระทำความผิด เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุจำเลยยังได้เดินตามนายสมชัยไปใกล้ ๆ คอยมองดูรอบ ๆ บริเวณที่เกิดเหตุทำนองเป็นการคุ้มกันให้นายสมชัย เมื่อนายสมชัยยิงผู้ตายแล้วจำเลยก็หนีไปกับนายสมชัย เช่นนี้แม้จำเลยมิได้ลงมือยิงผู้ตายด้วยตนเอง แต่พฤติการณ์ของจำเลยแสดงว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับนายสมชัยผู้ตาย เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยจึงเป็นตัวการในการฆ่าผู้ตายด้วย”

พิพากษายืน

Share