คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้จัดการมรดกมีอำนาจขายฝากทรัพย์มรดก (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1236/2491) เมื่อขายแล้วไม่แบ่งเงินให้ทายาทก็เป็นเรื่องระหว่างผู้จัดการมรดกกับทายาทที่จะว่ากล่าวกันต่างหาก หาทำให้นิติกรรมซื้อขายที่ผู้จัดการมรดกทำไปเป็นโมฆะไม่
กรณีที่เจ้าพนักงานที่ดินรับจดทะเบียนขายฝากให้แก่ผู้จัดการมรดกโดยมิได้สอบสวนว่าทายาทได้ยินยอมและผู้จัดการมรดกมีเหตุผลในการขายสมควรอย่างไรหรือไม่นั้น ไม่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ เพราะไม่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติเช่นนั้น

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ นายปกครอง นายประวัติ และนายประจักษ์ วงศ์กาฬสินธุ์ เป็นบุตรของนายสิงห์ นางเทพ วงศ์กาฬสินธุ์ นางเทพถึงแก่กรรมนานแล้วส่วนนายสิงห์ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ มีที่ดินมรดกเป็นที่นา ๒ แปลง ที่ดินปลูกบ้าน ๓ แปลง นายปกครอง วงศ์กาฬสินธุ์ ได้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามคำสั่งศาล แล้วได้สมคบกับจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานที่ดินทำนิติกรรมขายฝากที่ดินปลูกบ้านมรดกแปลงหนึ่งไว้กับจำเลยที่ ๒ โดยจำเลยที่ ๑ มิได้สอบสวนว่าทายาทอื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยหรือไม่ ผู้ขายมีเหตุผลและความจำเป็นอย่างไรที่จะต้องขาย เป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้อยแรง นายปกครองไม่ได้ไถ่ถอนภายในกำหนดที่พิพาทจึงตกเป็นสิทธิแก่จำเลยที่ ๒ นิติกรรมขายฝากดังกล่าวจึงเป็นโมฆะ จำเลยที่ ๓ ได้ซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ ๒ และ จำเลยที่ ๔ ได้ซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ ๓ เป็นการซื้อโดยไม่สุจริต จึงขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนนิติกรรมทั้งหมด
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าไม่ประมาทเลินเล่อ และไม่มีหน้าที่สอบสวนหาข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยที่ ๒, ๓ และ ๔ ให้การว่าได้ซื้อที่พิพาทโดยสุจริต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นายปกครองในฐานะผู้จัดการมรดกมีอำนาจขายฝากที่พิพาท โดยไม่ต้องรับมอบหมายจากทายาทอีก จำเลยที่ ๒ ทำการโดยสุจริต ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงจำเลยที่ ๓ และที่ ๔
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒๔ ประกอบด้วยมาตรา ๑๗๓๖ และมาตรา ๑๗๔๐ นายปกครองมีอำนาจขายฝากทรัพย์ที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ ๒ ได้ ทั้งนี้ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๒๓๖/๒๔๙๑ ระหว่างนายบุญเลิศ สุภากร โจทก์ นางสาย แสวงแวว กับพวก จำเลย ที่โจทก์ฎีกาว่านายปกครองไม่มีความจำเป็นจะต้องขายทรัพย์ เมื่อขายแล้วไม่แบ่งเงินให้ทายาท เป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ของผู้จัดการมรดกตามกฎหมายนั้น เป็นเรื่องระหว่างผู้จัดการมรดกกับทายาทที่จะว่ากล่าวกันต่างหาก หาทำให้การซื้อขายที่นายปกครองทำไปเป็นโมฆะตามที่โจทก์ฎีกาไม่
จำเลยที่ ๑ ทำการประมาทหรือไม่นั้น ปรากฏว่านายปกครองกับจำเลยที่ ๒ นำโฉนดพิพาทไปหาจำเลยที่ ๑ ที่สำนักงานที่ดิน แล้วนายปกครองขอขายฝากที่พิพาทให้จำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ ตรวจโฉนดแล้วมีชื่อนายปกครองเป็นผู้รับโอนที่พิพาทจากนายสิงห์ในฐานะผู้จัดการมรดก จำเลยที่ ๑ จึงทำนิติกรรมขายฝากให้ ดังนี้ แม้จำเลยที่ ๑ จะมิได้สอบสวนว่าทายาทของนายสิงห์ได้ยินยอมและนายปกครองมีเหตุผลในการขายสมควรอย่างไรหรือไม่ก็ไม่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ เพราะจำเลยที่ ๑ ไม่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติเช่นนั้น
สำหรับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ นั้น ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่ารับซื้อที่พิพาทไว้โดยสุจริต
จึงพิพากษายืน

Share