แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จะวินิจฉัยว่าผู้ถูกกระทำร้ายถึงบาดเจ็บสาหัส โดยถึงความทุพพลภาพหรือพยาธิประกอบด้วยทุกข์เวทนากล้าเกินกว่า 20 วันหรือถึงไม่สามารถจะประกอบการหาเลี้ยงชีพโดยปกติเพราะความทุพพลภาพเกินกว่า20 วัน เป็นการวินิจฉัยในข้อเท็จจริง(อ้างฎีกา 575/2488)
เมื่อศาลเดิมวินิจฉัยว่าเป็นบาดเจ็บสาหัส ตามมาตรา 256 ให้จำคุก2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บทว่า ไม่ถึงสาหัสตามมาตรา 254 แต่ไม่ได้แก้โทษ ดังนี้ ถือว่าเป็นแต่แก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกันใช้มีดโต้ ไม้คานเก้าอี้และชามกระเบื้องเป็นศาตราวุธกลุ้มรุมทำร้ายร่างกาย ฮ. บาดเจ็บสาหัสถึงทุพพลภาพประกอบด้วยทุกขเวทนากล้าเกินกว่า 20 วันและไม่สามารถประกอบการเลี้ยงชีพได้โดยปกติเกินกว่า 20 วันจำเลยทั้ง 4 ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ผิดกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 256 ให้จำคุก 2 ปี จำเลยที่ 2 ผิดกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 254 จำคุก 3 เดือน แต่ให้รอการลงอาญายกฟ้องปล่อยจำเลยที่ 3 ที่ 4 ริบของกลาง
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้นว่า จำเลยที่ 1 ใช้ไม้คานทำร้าย ฮ.แขนหักที่แขนซ้ายและที่ไหล่ต้องเข้าเฝือกอยู่ 2 เดือนเศษ ต้องนอนอยู่กับที่ 10 วันเมื่อเบิกความทำงานไม่ได้เป็นปกติ ที่แขนซ้ายถืออะไรไม่ได้ ยังปวดและชาอยู่ แต่เห็นว่าอาชีพของ ฮ.ขายส่งน้ำปลา ซึ่งอาจไม่ต้องขนเองก็ได้ ยังถือว่ามีผลถึงสาหัสตามคำฟ้องไม่ได้ พิพากษาแก้บทลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 254 ส่วนโทษคงเดิม
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การวินิจฉัยว่า การประทุษร้ายต่อร่างกายจะมีผลกระทำให้ผู้ถูกประทุษร้ายถึงความทุพพลภาพหรือพยาธิ มีอาการประกอบด้วยทุกขเวทนากล้าเกินกว่า 20 วัน หรือถึงไม่สามารถประกอบการหาเลี้ยงชีพได้โดยปกติเพราะความทุพพลภาพเกิน 20 วันเป็นการวินิจฉัยในข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
พิพากษาให้ยกฎีกา