แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกระทำผิดก่อนวันประกาศใช้พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ(ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 เจ้าพนักงานจับและยึดกระสุนปืนไว้เป็นของกลาง แม้โจทก์จะฟ้องจำเลยภายหลังจากระยะเวลา 90 วัน ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ล่วงพ้นไปแล้วก็ตาม จำเลยก็ไม่ต้องรับโทษ เพราะจำเลยได้รับประโยชน์ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำคุก 1 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 6 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยได้รับประโยชน์ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 5 จำเลยไม่ต้องรับโทษ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ริบของกลาง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยกระทำผิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2518ก่อนวันประกาศใช้พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 5 ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ใดมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดสำหรับใช้เฉพาะแต่ในสงครามตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงถ้าได้นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนหรือวัตถุระเบิดดังกล่าวมามอบให้นายทะเบียนท้องที่ภายในกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ” ข้อเท็จจริงได้ความว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยและยึดกระสุนปืนไว้เป็นของกลาง ดังนี้ แม้โจทก์จะฟ้องจำเลยนี้ภายหลังจากระยะเวลา 90 วันที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ล่วงพ้นไปแล้วก็ตาม จำเลยก็ไม่ต้องรับโทษ เพราะจำเลยได้รับประโยชน์ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว อนึ่ง กระสุนปืนของกลางที่ศาลอุทธรณ์สั่งริบเพราะพ้นเวลาที่จำเลยจะนำไปมอบให้นายทะเบียนท้องที่ภายในเวลาที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติดังกล่าวนั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน