คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1696/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 1 เป็นคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปี เมื่อฎีกาของจำเลยที่ 1 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิได้รับอนุญาตและได้ร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ ดังกล่าวไปโดยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๒๐ ทวิ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๖ จำคุกคนละ ๕ ปี จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๓ ปี ๔ เดือน
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ว่าให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับกรณีของจำเลยที่ ๑ เป็นคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปี เมื่อฎีกาของจำเลยที่ ๑ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย แล้วได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ว่า ไม่ได้ร่วมกระทำผิดตามฟ้อง
พิพากษายืน

Share