แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า แล้วขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่มีผู้ขับรออยู่ขับหลบหนีไป เป็นการวางแผนและเตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) ให้ประหารชีวิต มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคแรก จำคุก 1 ปี มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคแรก,72 ทวิ วรรคสอง และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 72 ทวิ วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 6 เดือน รวมโทษทุกกระทงแล้วให้ประหารชีวิตจำเลย ของกลางให้ริบ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัย “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นเป็นอันยุติฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2528 เวลา 8 นาฬิกาเศษ ได้มีคนร้ายเข้าไปในห้องทำงานของนายบุญเพ้งหรือห้วย สัจจสวัสดิ์ ที่บริษัทศิริมงคลเหมืองแร่ จำกัด อยู่ที่ตำบลองค์พระ อำเภอด่านช้างจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งนายบุญเพ้งเป็นผู้จัดการ แล้วใช้อาวุธปืนพกยิงนายบุญเพ้งถึงแก่ความตาย ปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้อง… เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเป็นคนยิงผู้ตายแล้วขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่มีผู้ขับรออยู่ขับหลบหนีไปแสดงให้เห็นว่า มีการวางแผนและเตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วจำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์