คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1695/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นอกจากเบี้ยปรับตามที่กำหนดกันไว้ในสัญญาแล้ว เจ้าหนี้ยังมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่เสียไปเกินจากที่กำหนดเป็นเบี้ยปรับกันไว้ได้อีกตามมาตรา 380 วรรค 2
เจ้าหนี้ฟ้องผู้ค้ำประกันให้รับผิดแทนลูกหนี้ เพราะลูกหนี้ไม่ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้และอ้างว่าลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินพอชำระหนี้เมื่อไม่ปรากฎว่าลูกหนี้อยู่แห่งใดผู้ค้ำ ประกันพิศูจน์ไม่ได้ว่าลูกหนี้มีทางที่จะชำระหนี้ได้ และพิศูจน์ไม่ได้ว่าการที่จะบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ไม่เป็นการยากดังนี้นผู้ค้ำประกันจึงไม่พ้นจากความรับผิด

ย่อยาว

คดีได้ความว่านายสำรวย ทำสัญญาจะส่งคืนให้โรงงานน้ำตาลไทยอุดร ๓๐๐๐ ลูกบาศเมตร ภายในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๔๙๐ ถ้าส่งขาดนายสำรวยยอมจ่ายค่าเสียหายให้ลูกบาศเมตร์ละ ๓ บาท ตามจำนวนที่ขาดส่วนจำเลยนี้ทำสัญญาให้ไว้มีข้อความว่าจำเลยขอรับรองให้นายสำรวยปฏิบัติตามสัญญาที่กล่าวแล้ว หากนายสำรวยไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาที่กล่าวแล้ว หากนายสำรวยไม่สามารถปฏิบัติได้ตามสัญญาที่กล่าวแล้ว จำเลยยอมชดใช้ค่าเสียหายซึ่งโรงงานน้ำตาลไทยจะได้เรียกจากนายสำรวยเมื่อทำสัญยากันแล้ว นายสำรวยก็ส่งฟืนให้แก่โรงงานน้ำตาลไทย แต่ส่งได้ไม่ครบตามสัญญายังขาดอยู่ นายสำรวยหยุดส่งไม่ปฏิบัติตามสัญญา
โจทก์จึงฟ้องจำเลยผู้ค้ำประกันให้ใช้ค่าปรับและค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้หลายประการ
ศาลชั้นต้นเห็นว่านายสำรวยไม่อยู่เป็นหลักแหล่ง และไม่มีทรัพย์สินจำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเสียหายที่กำหนดไว้คือ ๓ บาทต่อหนึ่งลูกบาศเมตร์ตามจำนวนที่ขาดโจทก์จะเรียกเกินจากนั้นไม่ได้ พิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ ๕๘๑๒ บาท ๓๘ สตางค์
โจทก์, จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธณ์เห็นว่าโจทก์เรียกค่าเสียหายเพิ่มขึ้นได้ ไม่ใช่เพียงแต่เมตรละ ๓ บาท จึงพิพากษาแก้ให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ ๗๓๑๒ บาท ๓๘ สตางค์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่านายสำรวจอยู่แห่งใดไม่ปรากฎ หาตัวก็ไม่พบจำเลยก็พิศูจน์ไม่ได้ว่านายสำรวยมีทางที่จะชำระหนี้ได้ และบังคับให้นายสำรวยชำระหนี้ไม่เป็นการยาก ดังนั้นจำเลยจึงไม่พ้นจากความรับผิด
ส่วนค่าเสียหายนั้น โจทก์ได้พิศูจน์ได้ว่าเนื่องจากนายสำรวยผิดสัญญาโจทก์ต้องเสียหายเกินจากที่กำหนดไว้เป็นเบี้ยปรับกันไว้ ค่าเสียหายที่เกินเช่นนี้โจทก์มีสิทธิที่จะเรียกร้องเอาได้ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๓๘๐ วรรค ๒ ศาลอุทธรณ์บังคับให้จำเลยใช้ชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share