คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1691/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ ในระหว่างสอบสวนผู้ร้องยื่นคำร้องขอถอนคำขอรับชำระหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งอนุญาตจำหน่ายจากบัญชีเจ้าหนี้ต่อมาศาลพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าได้ถอนคำขอรับชำระหนี้ด้วยความหลงผิดว่าจะเป็นทางให้ลูกหนี้พ้นจากการถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดได้ จึงขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งคำร้องขอถอนคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รายงานมายังศาลชั้นต้นว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอำนาจเพิกถอนคำสั่งที่สั่งไปโดยชอบได้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ขอให้ศาลสั่งให้ผู้ร้องกลับคืนสู่ฐานะเจ้าหนี้ตามเดิม ดังนี้ หามีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งของตนที่ได้สั่งไปโดยชอบไม่ คงร้องขอให้ศาลมีคำสั่งได้เฉพาะที่เกี่ยวกับการใดที่เป็นปัญหาในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 143 และศาลจะสั่งเพิกถอนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 ก็ไม่ได้ เพราะการที่ผู้ร้องยื่นคำขอถอนคำขอรับชำระหนี้ก็ดี คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่สั่งอนุญาตให้ถอนได้ก็ดี ไม่เป็นการผิดระเบียบหรือกฎหมายแต่อย่างใด เมื่อผู้ร้องถอนคำขอรับชำระหนี้ไปแล้ว ย่อมลบล้างผลแห่งการยื่นคำขอ และทำให้ผู้ร้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม เสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นคำขอรับชำระหนี้เลย หากผู้ร้องประสงค์จะขอรับชำระหนี้ ก็ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 91 จะขอให้เพิกถอนคำสั่งคำร้องขอถอนคำขอรับชำระหนี้ซึ่งได้สั่งไปโดยชอบแล้วหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ศาลพิพากษาเป็นบุคคลล้มละลาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด นางสาวสุนารี สันติธรารักษ์ ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ ระหว่างสอบสวน ผู้ร้องยื่นคำขอถอนคำขอรับชำระหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งอนุญาต จำหน่ายจากบัญชีเจ้าหนี้ ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า ได้ขอถอนคำขอรับรับชำระหนี้ด้วยความหลงผิดว่าจะเป็นทางให้ลูกหนี้พ้นจากการถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดได้ จึงขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งคำร้องขอถอนคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รายงานมายังศาลชั้นต้นว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอำนาจเพิกถอนคำสั่งที่สั่งไปโดยชอบได้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ควรให้ผู้ร้องกลับมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ตามเดิม ขอให้ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องกลับคืนสู่ฐานะเจ้าหนี้ตามเดิม ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาต

เจ้าหนี้รายที่ 4 ผู้คัดค้านอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งให้ตนกลับมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การขอถอนคำขอรับชำระหนี้ย่อมลบล้างผลแห่งการยื่นคำขอ และทำให้นางสาวสุนารีผู้ร้องกลับคืนสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นคำขอรับชำระหนี้เลย ถ้านางสาวสุนารีผู้ร้องประสงค์จะขอรับชำระหนี้ ก็ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 91 คือต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามแบบพิมพ์ โดยมีบัญชีแสดงรายละเอียดแห่งหนี้สิน และข้อความระบุถึงหลักฐานประกอบหนี้ภายในระยะเวลา 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด จะขอให้เพิกถอนคำสั่งคำร้องขอถอนคำขอรับชำระหนี้ซึ่งได้สั่งไปโดยชอบแล้วหาได้ไม่

ที่ผู้ร้องฎีกาว่า ศาลมีอำนาจสั่งเพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 143, 153 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 นั้นศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 143บัญญัติว่า ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อาจมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับการใดที่เป็นปัญหา มิได้บัญญัติให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งของตนที่ได้สั่งไปโดยชอบได้ ส่วนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ซึ่งผู้ร้องอ้างว่านำมาใช้โดยพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 มาตรา 153 นั้น บัญญัติให้อำนาจศาลเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบเท่านั้น การยื่นคำขอถอนคำขอรับชำระหนี้ก็ดี คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่สั่งอนุญาตให้ถอนได้ก็ดีไม่เป็นการผิดระเบียบหรือกฎหมาย จึงนำบทกฎหมายดังกล่าวมาปรับไม่ได้ ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำร้องของผู้ร้องชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share